IKEA เชนเฟอร์นิเจอร์ยักษ์สัญชาติสวีเดน เห็นว่ายอดขายจะกลับมาเติบโตในปีนี้ หลังจากวิกฤตโควิด-19 กระตุ้นให้ผู้บริโภคสนใจที่จะใช้จ่ายสำหรับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับบ้านมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ผู้ค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกเชื่อว่าจะยังคงอยู่
IKEA กำลังเปลี่ยนรูปแบบร้านค้าจากร้านค้าแบบดั้งเดิมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่นอกเมือง ไปสู่อีคอมเมิร์ซและรูปแบบภายในเมืองที่มีขนาดเล็กลง เนื่องจากปรับให้เข้ากับการเติบโตของการค้าปลีกออนไลน์และพฤติกรรมการจับจ่ายแบบใหม่
จอน อับราฮัมส์สัน ริง ซีอีโอของ Inter IKEA ซึ่งเป็นแฟรนไชส์ของ IKEA กล่าวว่า จะมีการเปิดร้านค้าทดสอบรูปแบบใหม่ รวมไปถึงร้านค้าใหม่ 50 แห่งในปีงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2019/2020 ที่เปิดราว 30 แห่ง โดยร้านค้าใหม่ๆ ของ IKEA ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองชั้นใน
ยอดค้าปลีก ซึ่งได้แก่ การขายสินค้าและบริการที่ร้านค้า IKEA 445 แห่ง และทางออนไลน์ลดลง 4% ในปีนี้จนถึงเดือนสิงหาคม เป็น 3.96 หมื่นล้านยูโร หรือราว 1.46 ล้านล้านบาท แต่เชื่อว่าจะกลับมาเติบโตในปีงบประมาณปัจจุบัน เพราะลูกค้าต้องการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้ดียิ่งขึ้น
ความต้องการสินค้าราคาต่ำของ IKEA เพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤต โดยคิดเป็น 60% ของยอดขายในเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม นับว่าเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับ 45% ในช่วงปกติ อีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น 45% คิดเป็น 15% ของยอดค้าปลีกทั้งหมด Inter IKEA
ขณะที่ Ingka Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแฟรนไชส์หลักของ IKEA กล่าวว่า ยอดขายในร้านค้า 378 แห่ง หดตัว 4% เป็น 3.52 หมื่นล้านยูโร หรือราว 1.3 ล้านล้านบาท โดยยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 60% คิดเป็น 18% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
เจสเปอร์ โบรดิน ซีอีโอของ Ingka กล่าวกับ Reuters ว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดขายของผู้ค้าปลีกเพิ่มขึ้น 7-8% เมื่อเทียบเป็นรายปี
“โรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อความสนใจของการใช้ชีวิตที่บ้านอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในระดับที่เราไม่คาดคิดจริงๆ” โดยในช่วงต้นของวิกฤตความต้องการมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์สำนักงานและผลิตภัณฑ์ทำอาหารเป็นหลัก แต่ตอนนี้ความต้องการเพิ่มขึ้นในทุกช่วงสินค้า
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: