ICONCRAFT คือพื้นที่สุดสร้างสรรค์ที่รวบรวมผลงานมรดกงานฝีมือของไทยและผลิตภัณฑ์ทันสมัยจากดีไซเนอร์ไทยคุณภาพเอาไว้ในที่เดียว เปรียบเหมือนเป็นเวทีให้ผู้ผลิตและดีไซเนอร์ไทยได้แสดงความสามารถ ส่งต่อภูมิปัญญาออกไปสู่ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างประเทศ หากคุณเคยไปเยี่ยมชมบริเวณชั้น 4-5 ของ ICONCRAFT คุณจะได้เจอกับสินค้าในกลุ่มประเภทไลฟ์สไตล์ที่มีให้เลือกมากมาย ทั้งเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า กระเป๋า ผลิตภัณฑ์สปา และอื่นๆ อีกมากที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่
ตลอดทั้งเดือนตุลาคมถึง 1 พฤศจิกายนนี้ ICONCRAFT สานต่อเจตนารมณ์การนำเสนอภูมิปัญญาไทย จัดกิจกรรม ‘ICONCRAFT Coffee Fest’ นำเสนอเรื่องราวของกาแฟไทยอย่างครบวงจร ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นการส่งเสริมและผลักดันธุรกิจกาแฟไทยให้ได้มีเวทีในการแสดงความสามารถ ตลอดจนสนับสนุนเกษตรกร ผู้ปลูก ผู้แปรรูป และบาริสต้า อีกทั้งยังเป็นการเชิดชูกาแฟไทยให้ทุกคนได้ลิ้มลองความอร่อย
สิ่งที่คุณจะได้เจอตลอดเดือนนี้ ภายในงานได้คัดสรรร้านอาแฟคุณภาพจากทั่วไทยมาเปิดป๊อปอัพให้คุณได้ลองเมนูซิกเนเจอร์แบบไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล THE STANDARD POP ได้มีโอกาสไปเที่ยวงาน ICONCRAFT Coffee Fest มาแล้วเรียบร้อย ในงานจะมีกิจกรรมใด และมีร้านใดบ้างที่เข้าร่วม ไปดูกันเลย
Pop-Up Cafe
Lots.Sathon
ร้านแรกที่เราจะพามาชิมกันในวันนี้คือ Lots.Sathon ซึ่งเป็นร้านที่จะเปิดป๊อปอัพตลอดทั้งเทศกาล ไม่ได้หมุนเวียนหายไปไหน Lots เกิดขึ้นมาจากกลุ่มคนรักกาแฟที่ต้องการใช้กาแฟเป็นสารตั้งต้นเชื่อมโยงผู้คนในพื้นที่เข้าหากันจนเกิดเป็นคอมมูนิตี้ย่อมๆ เสิร์ฟกาแฟที่เข้าใจง่ายๆ ทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ละแวกนั้น รวมถึงพนักงานออฟฟิศใกล้เคียงสามารถมีกาแฟที่ดีกินได้ในทุกๆ วัน
เมนูของ Lots.Sathon เบสด้วยกาแฟ House Blend สองระดับคือ แบบคั่วอ่อนสำหรับทำเมนูประเภทอเมริกาโน และแบบคั่วเข้มสำหรับเมนูนม ทำให้ผู้ที่มาลองกินกาแฟของ Lots เข้าถึงกาแฟไทยได้ง่ายๆ แต่ก็ยังมีโซน Specialty ที่เลือกเมล็ดกาแฟพิเศษจากทั่วโลก 6-8 ชนิด สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามช่วงเวลา เป็นทางเลือกสำหรับคอกาแฟที่ชื่นชอบกาแฟจากสโลว์บาร์
ส่วนไฮไลต์ที่นอกเหนือจากกาแฟของ Lots คือการเลือกใช้วัตถุดิบหลากหลายเล่นสนุกกับรสชาติ อย่างแก้ว Iced Latte Honey (80 บาท) ลาเต้ที่เพิ่มความหวานด้วยน้ำผึ้ง ส่วนเมนู Non-Coffee เราเลือก Iced-Cocoa (119 บาท) แก้วนี้เทโกโก้เข้มข้นลงบนนมเย็นๆ ส่วนใครเป็นสายอเมริกาโน สายกาแฟดริป สามารถให้บาริสต้าแนะนำเมล็ดแล้วดริปกันได้เลย
ป๊อปอัพที่ ICONCRAFT Coffee Fest ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ร้านกาแฟอบอุ่นแห่งนี้ออกมาเปิดป๊อปอัพนอกสถานที่ ซึ่งมาทั้งทีก็เตรียมกิมมิกเล็กๆ ICONCRAFT x Lots อย่างเครื่องพรินต์ลายลาเต้อาร์ตอัตโนมัติ เพียงส่งรูปที่ต้องการเข้าไปผ่าน QR Code ก็สามารถมีลาเต้อาร์ตที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้ตามใจชอบ
Lots.Sathon ป๊อปอัพ ตั้งแต่วันนี้ถึง 1 พฤศจิกายน 2563
Pour Over Lab
ร้านกาแฟสุดทันสมัยที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกแห่งวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่การตกแต่งร้าน การเลือกใช้อุปกรณ์ การแต่งกายของบาริสต้า ไปจนถึงการคิดค้นเมนู ที่ล้วนได้มาจากการทดลองและการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์กับกาแฟเข้าด้วยกัน
Pour Over Lab ป๊อปอัพที่ ICONCRAFT Coffee Fest นั้น คุณจะได้พบกับไฮไลต์ของทางร้าน คือการชงด้วยเครื่องดริปกาแฟอัตโนมัติ (Poursteady Machine) รวมถึงการใช้เครื่อง One Dutch เครื่องแรกและเครื่องเดียวในประเทศไทย ส่วนด้านเมล็ดกาแฟนั้น Pour Over Lab คัดสรรเมล็ดกาแฟไทยและต่างประเทศที่ได้รับคะแนน 80 ขึ้นไปเท่านั้น
เราเริ่มกันที่เมนูพื้นฐาน ทางร้านจะมีเมล็ดกาแฟเบลนด์สองรสชาติสำหรับเมนู ‘Black Dutch’ (120 บาท) กาแฟดำจากเครื่อง One Dutch ให้ความหวานอมเปรี้ยวของผลไม้ ในขณะที่ White Dutch คือกาแฟนมจากเบลนด์ที่ให้ความนัตตี้
ไฮไลต์สำหรับการร่วมงานนี้คือ กาแฟโคลด์ดริป Musician Series ซึ่งจำหน่ายสาขานี้สาขาเดียวเท่านั้น รวมถึงล่าสุดทางร้านได้ประมูลกาแฟที่ได้รับรางวัลลำดับที่ 9 จากการประกวดสุดยอดกาแฟไทย 2020 มาเสิร์ฟสไตล์ Pour Over ที่สาขานี้เป็นสาขาแรกอีกด้วย คอกาแฟไม่ควรพลาดจริงๆ
Pour Over Lab ป๊อปอัพ วันนี้ถึง 18 ตุลาคม 2563
Roast8ry Lab
Roast8ry Lab ถือเป็นอีกหนึ่งร้านสุดฮอตประจำจังหวัดเชียงใหม่ ที่โดยปกติแล้วคุณจะไม่เห็นเขาร่วมงานกาแฟในประเทศที่ไหน แต่นี่คือครั้งแรกที่เราจะได้พบกับเขาใน ICONCRAFT Coffee Fest
ร้านนี้ก่อตั้งโดย ต๋อง-อานนท์ ธิติประเสริฐ บาริสต้าจากประเทศไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลอันดับ 1 จากการแข่งขัน World Latte Art Championship ที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ในปี 2017 ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นชินกันดีกับร้านกาแฟร้านแรกของเขาที่มีชื่อว่า Ristr8to นั่นเอง
จากการเข้าร่วมการแข่งขันตลอดหลายปีที่ผ่านมา ต๋องเล่าให้เราฟังว่า ได้เห็นศาสตร์แห่งกาแฟที่มากกว่าลาเต้อาร์ต ทำให้ตัวเองได้เข้าร่วมการแข่งขันอื่นๆ ที่จัดขึ้นในโลกอีกหลายรายการ การเรียนรู้เหล่านั้นเป็นแรงบันดาลใจให้กับคอนเซปต์ใหม่ของร้าน Roast8ry ซึ่งก็คือการพาการแข่งขัน 5 ประเภทมาให้ทุกคนเข้าถึงได้ การแข่งขันที่ว่า ได้แก่ การแข่งขันบาริสต้า, ลาเต้อาร์ต Coffee & Good Spirit, Brewer และ Roasting โดยการแข่งขันทั้ง 5 จะรวมทักษะการคั่ว การดริป การทำลาเต้อาร์ต ไปจนถึงทักษะการเลือกเมล็ดกาแฟให้ลูกค้า โดยเมนูของทางร้านจะแบ่งออกเป็น 4 ระดับตามความลึกของศาสตร์การทำกาแฟ
ภายในงานคุณจะได้พบกับเมนูซีรีส์ใหม่ที่ต๋องคิดค้นในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ซีรีส์นี้ตั้งชื่อเป็นตัวเลขคือ 18, 19, 20 และ 21 ซึ่งเกิดจากการดึงเอาคาแรกเตอร์ของวัตถุดิบมาจับคู่กันให้เกิดเป็นรสชาติใหม่ เช่น 19 เมนูลาเต้ ที่ใช้เมล็ดกาแฟของเอธิโอเปีย ที่ให้ความเป็นสตรอว์เบอร์รีผสมกับเมล็ดจากปาปัวนิวกินีที่มีความ Earthy พอนำมารวมกันเกิดเป็นรสชาติที่คล้ายบลูเบอร์รี เมื่อนำมาทำกาแฟนมอย่างลาเต้ แก้วนี้จึงให้รสชาติที่คล้ายกับครีมบลูเบอร์รีนั่นเอง
Roast8ry Lab ป๊อปอัพ ตั้งแต่วันที่ 24-30 ตุลาคม 2563
นอกจากทั้งสามร้านที่เราเล่าให้ฟังข้างต้น ยังมีร้านกาแฟอีกมากมายที่เตรียมเปิดป๊อปอัพตลอดทั้งเดือน อาทิ วันที่ 12-23 ตุลาคม 2563 พบกับ GRAPH Coffee ร้านกาแฟชื่อดังจากจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีเอกลักษณ์คือการคัดเลือกเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีที่ได้จากการไปทำความคุ้นเคยกับเกษตรกรจากไร่ต่างๆ ในไทย นำมาทดลองเกิดเป็นเมนูต่างๆ ที่สร้างสรรค์อย่างพิถีพิถัน ต่อด้วย Roast Runner ในวันที่ 19-25 ตุลาคม 2563 ร้านกาแฟและโรงคั่วกาแฟบนถนนบรมราชชนนี ก่อตั้งโดยนักชิมกาแฟอย่าง แชมป์-วรุตม์ ตั้งสุริยาไพศาล การันตีจากการเป็นแชมป์ชิมกาแฟจากรายการ Thailand National Cup Taster คนแรกในประเทศไทย แถมด้วยตำแหน่งผู้ชนะอันดับ 4 จากรายการแข่งขันชิมกาแฟระดับโลกอย่าง World Cup Tasters อีกด้วย
Workshop
ส่วนถัดมา ICONCRAFT ได้จัดกิจกรรมโชว์เคสที่คอกาแฟจะได้เจอกับบาริสต้าและเจ้าของร้านกาแฟชื่อดังทั่วไทย มาทำกิจกรรมเวิร์กช้อปสาธิตวิธีการดริปกาแฟและทำลาเต้อาร์ตจากบาริสต้าดีกรีแชมป์โลก รักใคร ชอบแบบไหน สามารถเลือกวันเข้าร่วมชมได้เลย
10-11 ตุลาคม 2563: Akha Ama Coffee
Akha Ama Coffee (อาข่า อาม่า) ร้านกาแฟสุดฮอต ก่อตั้งโดย ลี-อายุ จือปา คนรุ่นใหม่ที่ต้องการพลิกฟื้นสร้างชุมชนบ้านเกิดให้เข้มแข็งด้วยพืชเศรษฐกิจกาแฟ จึงได้สร้างแบรนด์กาแฟเพื่อสังคม และสามารถผลักดันแบรนด์ให้ครองใจกลุ่มลูกค้าจนไปโด่งดังไกลถึงญี่ปุ่น ในวันที่ 10-11 ตุลาคมนี้ คุณจะได้พบกับการดริปกาแฟจากเมล็ดกาแฟที่ได้รับการคัดเลือกจากสมาคมกาแฟพิเศษโลก 3 ปีซ้อน
17-18 ตุลาคม 2563: GRAPH Coffee
นอกจาก GRAPH Coffee จะมาเปิดคาเฟ่ป๊อปอัพแล้ว ทางร้านยังมีเวิร์กช้อปกาแฟให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมชมได้อีกด้วย
24-25 ตุลาคม 2563: Roast8ry
เช่นเดียวกันกับ Roast8ry ที่นอกจากจะมาเปิดป๊อปอัพโชว์เคสเมนูใหม่ๆ แล้ว ต๋องยังมีโชว์พิเศษในส่วนของเวิร์กช้อปประจำสัปดาห์ที่ 3 ซึ่งคุณจะได้พบการทำลาเต้อาร์ตทั้ง 4 ลายของเขา รวมถึงเมนู Coffee Cocktail พิเศษ สูตรที่ต๋องได้รับรางวัลที่ 6 จากการแข่งขัน World Coffee & Good Spirit ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีอีกด้วย
31 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน 2563: Vincit Coffee
พบกับร้านกาแฟ Vincit Coffee ร้านกาแฟที่ขายเมล็ดกาแฟสดจากไร่ผ่านโรงคั่วโดยตรง ที่คัดสรรเมล็ดตั้งแต่ต้นน้ำคือ ขั้นตอนการเก็บ การตาก รวมถึงการคั่วเมล็ดกาแฟด้วยตัวเองจากดอยช้าง จังหวัดเชียงราย การันตีได้ถึงความสดใหม่และมีรสชาติเฉพาะตัว อีกทั้งกาแฟในพื้นที่ปลูกของร้านนี้ยังคว้ารางวัล 10 สุดยอดสารกาแฟไทยอันดับที่ 7 ในปี 2018 (Washed Process) และอันดับที่ 9 ในปี 2020 (Honey Process) อีกด้วย
Shop
ส่วนสุดท้ายที่คุณจะได้พบเจอตลอดทั้งเดือนคือส่วนที่เป็น Coffee Market ที่ภายในงานเหล่าคนรักกาแฟจะได้เลือกซื้อสินค้า ทั้งเมล็ดกาแฟและอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวกับกาแฟ รวมถึงสินค้าเซรามิกประเภท Drinkware และ Tableware ให้คุณเลือกนำไปแต่งบ้านน่ารักๆ ได้อีกด้วย
ไฮไลต์สำหรับส่วนนี้เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับแบรนด์กาแฟน้องใหม่ที่มีชื่อว่า Cloudy Hill Organic Coffee จากดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับแบรนด์ที่ได้เข้าร่วมงานเทศกาลกาแฟ เปิดตัวให้คอกาแฟได้รู้จัก โดยแบรนด์ Cloudy Hill Organic Coffee เกิดขึ้นจากการที่เจ้าของมีความสนใจด้านกาแฟเริ่มขึ้นมาจากสมัยที่ต้องไปเรียนอยู่ต่างประเทศแล้วไม่สามารถหากาแฟอร่อยๆ ได้ จึงเริ่มศึกษาวิธีการคั่วกาแฟด้วยตัวเอง และนำเข้าเมล็ดมาทดลองจนกระทั่งกลายเป็นกิจกรรมต้อนรับแขกเมื่อเพื่อนมาเยี่ยมที่บ้าน
ความหลงใหลในกาแฟดำเนินขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงตอนที่กลับมาประเทศไทยและเริ่มปลูกกาแฟเอง ณ บ้านสวนบนดอยหลวงเชียงดาว จากไม่กี่พันต้นกลายเป็นกว่าแสนต้น และเรื่องราวของ Cloudy Hill Organic Coffee ก็ได้เริ่มต้นขึ้นจากการปลูก ต่อยอด เป็นการ Process ครบวงจร และคลอดผลิตภัณฑ์ในนาม Cloudy Hill Organic Coffee ออกมาในที่สุด ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคอกาแฟที่ชอบทดลองรสชาติใหม่ๆ คุณจะได้พบกับแบรนด์ Cloudy Hill และกาแฟทั้ง 4 สไตล์ของเขาที่งานนี้เป็นงานแรก
นอกเหนือจาก Cloudy Hill Organic Coffee แล้ว ยังมีแบรนด์ชั้นนำอีกกว่า 30 แบรนด์ อาทิ Factory Cafe, Roast Runner, Akha Ama Coffee, Nude Organic, Fellow, The Summer Coffee Company, Roast8ry, Cafe R’Onn Story, Siam Drip Co, Siamaya Chocolate, Malou และ TE เป็นต้น
ICONCRAFT Coffee Fest ถือเป็นครั้งแรกของ ICONSIAM ที่รวบรวมผู้ประกอบการเกี่ยวกับกาแฟไทยเอาไว้สำหรับคอกาแฟอย่างครบวงจร ซึ่งนอกเหนือจากภายในงานตลอดทั้งเดือนตุลาคมนี้แล้ว ความรักในกาแฟของ ICONSIAM ก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เพราะคุณยังสามารถร่วมเปิดประสบการณ์ด้านกาแฟได้จากร้านกาแฟต่างๆ มากมายทั้ง % Arabica, Red Diamond, Van Hart หรือ D’ARK ที่พร้อมบริการตลอดเวลา เรียกว่าเป็นพื้นที่สำหรับคนรักกาแฟอย่างแท้จริง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า