รัฐบาลไอซ์แลนด์อนุญาตให้บริษัทและองค์กรต่างๆ สามารถล่าวาฬเพื่อการค้าได้อีก 2,130 ตัว ตลอด 5 ปีนับจากนี้ โดยกำหนดโควตาชนิดของวาฬที่จะถูกล่าสูงสุดในแต่ละปี ซึ่งจะล่าวาฬฟินมากสุดปีละ 209 ตัว ในขณะที่จะล่าวาฬมิงก์ได้มากสุดปีละ 217 ตัว เรียกกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากประชาคมโลก โดยเฉพาะกลุ่มนักอนุรักษ์เป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าชาวไอซ์แลนด์จำนวนมากจะสนับสนุนการล่าวาฬ แต่นักกฎหมายและนักการเมืองส่วนใหญ่กลับคัดค้านมาตรการดังกล่าว เนื่องจากมองเห็นว่า การประกาศโควตาอนุญาตให้ล่าวาฬเพื่อการค้าเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มเล็กๆ ในสังคมเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศอีกด้วย
ด้านสมาคมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไอซ์แลนด์ออกแถลงการณ์ระบุว่า “ลูกค้าที่ซื้อเนื้อวาฬส่วนใหญ่เป็นตลาดในญี่ปุ่น นอร์เวย์ และหมู่เกาะปาเลา ในขณะที่ลูกค้าด้านการท่องเที่ยวของประเทศเป็นตลาดทั่วทั้งประชาคมโลก” ซึ่งตลาดการท่องเที่ยวถือเป็นช่องทางของรายได้หลักของประเทศนับตั้งแต่ปี 2016
นอกจากนี้คณะกรรมการการล่าวาฬระหว่างประเทศ (IWC) ยังต่อต้านการล่าวาฬเพื่อการค้ามานานนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 แต่อย่างไรก็ตาม ไอซ์แลนด์ที่แม้จะยังคงเป็นสมาชิกของ IWC ก็ยังคงเดินหน้าล่าวาฬเพื่อการค้าต่อไป แม้จะมีการล่าวาฬไม่เต็มจำนวนโควตาก็ตาม โดยในปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเป็นประเทศล่าสุดที่ตัดสินใจลาออกจาก IWC และกลับมาล่าวาฬเพื่อการค้าอีกครั้งในช่วงกลางปี 2019 นี้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
