9 ตุลาคม 2017 น่าจะเป็นอีกหนึ่งวันที่พลเมืองชาวไอซ์แลนด์ต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศ หลังทีมฟุตบอลชายไอซ์แลนด์สามารถผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งจะจัดขึ้นในปี 2018 ที่จะถึงนี้ได้สำเร็จ
ไอซ์แลนด์ผ่านเข้ารอบได้ด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนยุโรปกลุ่ม I ด้วยคะแนน 22 แต้ม เก็บชัยชนะได้ทั้งหมด 7 นัด เสมอ 1 นัด และแพ้ 2 นัด โดยจบอันดับได้เหนือทีมชั้นนำอย่างโครเอเชีย, ยูเครน และตุรกี
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2016 พวกเขาเคยสร้างประวัติศาสตร์ในวงการฟุตบอลมาแล้ว หลังผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลยูโรในปีดังกล่าวจนถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนจะพ่ายให้กับทีมชาติฝรั่งเศสไปแบบได้ใจคนดูและแฟนบอลทั่วโลก
ด้วยภูมิประเทศที่มีลักษณะเป็นหมู่เกาะขนาดย่อมกินพื้นที่แค่ 103,000 ตารางกิโลเมตร พร้อมพลเมืองในประเทศราว 3 แสนคน พวกเขาจึงกลายเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟีฟ่า (FIFA) ที่ได้เล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายไปโดยปริยาย
ปัจจุบันไอซ์แลนด์ครองอันดับฟีฟ่าในลำดับที่ 22 และกลายเป็นชาติที่ 17 แล้วที่ได้ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายร่วมกับเซอร์เบีย, อังกฤษ, สเปน, เยอรมนี, เบลเยียม, โปแลนด์, รัสเซีย (เจ้าภาพ), บราซิล, อิหร่าน, ญี่ปุ่น, เม็กซิโก, เกาหลีใต้, ซาอุดีอาระเบีย, ไนจีเรีย, คอสตาริกา และอียิปต์ (นับจนถึงวันอังคารที่ 10 ตุลาคม 2017)
ส่วนฟุตบอลโลก 2018 ที่ใกล้จะระอุขึ้นในช่วงกลางปีหน้านี้ ไอซ์แลนด์ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทีมฟุตบอลที่พร้อมสร้างสีสันให้แฟนบอลทั่วโลกได้ประจักษ์อีกครั้ง
Photo: Haraldur Gudjonsson/AFP
อ้างอิง: