ใครจะเชื่อว่าเวลาแค่ 4 ปี จะทำให้ Hyukoh วงดนตรีอินดี้จากเกาหลีใต้ ที่คนข้างนอกเห็นว่าเป็นตลาดเน้นเพลงป๊อปสายแมสมากที่สุด จะทะลุกลายมาเป็นวงดนตรีที่ประสบผลสำเร็จในวงกว้างมากขนาดนี้
ประสบการณ์ที่สั่งสมกำลังหล่อหลอมให้ 4 หนุ่ม เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ทั้งมีมุมมองที่เติบโตเกินช่วงเวลาในวงการ แถมด้วยฝีไม้ลายมือบนเวทีที่จัดจ้านและจัดเต็มอย่างที่เราได้เห็นในคอนเสิร์ต ‘Hyukoh 24 Tour Bangkok’ ที่จัดโดย Seen Scene Space เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา รวมถึงลิสต์ทัวร์คอนเสิร์ตที่ผ่านมาทั่วสหรัฐอเมริกา เอเชีย และปีหน้าที่ยุโรป บอกได้เลยว่า พวกเขาคือพลังร็อกที่กำลังเติบโตในระดับโลก!
ทวนสั้นๆ กันอีกครั้ง Hyukoh ประกอบด้วย โอฮยอก นักร้องนำและกีตาร์, อิมดงกอน มือเบส, ลิมฮยอนแจ มือกีตาร์ และอีอินอู มือกลอง โอฮยอกเป็นคนเริ่มวงนี้มาในฐานะศิลปินเดี่ยวช่วงปี 2014 และเพิ่มเติมสมาชิกจนครบ 4 คน และออก EP แรกชื่อ 20 ในปีเดียวกันนั้นเอง ผ่านมา 4 ปีในฐานะวง Hyukoh พวกเขามีผลงานมาแล้ว 4 อัลบั้ม นั่นคือ 20, 22, 23 และล่าสุด 24 – How to Find True Love and Happiness
THE STANDARD POP ได้รับโอกาสพิเศษในการสัมภาษณ์ทั้ง 4 คน ก่อนคอนเสิร์ตในวันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตครั้งที่ 2 ของพวกเขาในเมืองไทย ที่สถานที่ใหญ่ขึ้น และจุคนดูเยอะขึ้น สำหรับช่วงนี้ที่มีคอนเสิร์ตดีๆ มาให้ดูทลายกระเป๋าสตางค์กันแทบทุกวัน ย่อมแสดงให้เห็นว่า Hyukoh ได้รับความนิยมในบ้านเราสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สี่หนุ่มพูดน้อยมาคุยกับเราหลังอาหารเที่ยง ถึงแม้จะได้คุยกันไม่นาน แต่เราก็เห็นมุมมองและความมั่นใจของวงที่กำลังสะสมประสบการณ์ในการเป็นวงดนตรีแถวหน้าของเอเชีย
อิทธิพลทางดนตรี
จากคำสัมภาษณ์เก่าๆ เรารู้ว่าพวกเขามี The Beatles เป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งก็มีกลิ่นอายอยู่ในหลายๆ เพลง ฮยอนแจ มือกีตาร์ บอกว่า “พวกเราฟังเพลงกันหลากหลาย เวลาที่ได้ฟังอะไรใหม่ๆ ก็เหมือนได้โจทย์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอ ถึงแม้จะชอบ แต่ก็จะพยายามลืมมันไป และสร้างสิ่งใหม่จากตัวเองเสมอๆ”
ที่เรารู้สึกได้คือ สิ่งใหม่ๆ ที่เขาพูดถึงคือ ‘พลัง’ ที่พวกเขาเติมลงไปอย่างล้นเหลือ สมกับความเป็นอินดี้ร็อกแถวหน้า อย่างในคอนเสิร์ต เซตที่วงเล่นเพลง Graduation ต่อด้วย Panda Bear, 2002 WorldCup, Tokyo Inn และ Comes and Goes บอกได้เลยว่า โหดมาก เต็มไปด้วยพลังหนุ่มสุดๆ
เวทีคอนเสิร์ตครั้งนี้ หลายคนน่าจะสงสัยว่าทำไมจัดเรียงเวทีหน้ากระดานจากซ้ายไปขวาเป็น เบส ร้อง กีตาร์ กลอง ซึ่งธรรมดาเราอาจจะเห็นว่าวงอื่นๆ คงจัด 3 คนยืนในแถวหน้า แล้วเอากลองไว้ตรงกลางด้านหลัง แต่พอโชว์เริ่ม เราเห็นได้ชัดเจนว่า ทั้งวงเล่นได้โดดเด่น เข้าขากันดีมากๆ ช่วงเพลงเร็ว ซึ่งก็คือเกือบทุกเพลง ความสนุกมาในแบบที่สุดจริงๆ อินอู มือกลอง ถือเป็นดาวเด่นได้เลย ใครจะนึกว่าหน้าตานิ่งๆ ตอนสัมภาษณ์ดูเงียบๆ แต่บนเวทีเขากลับปล่อยพลังกระจาย แถมดูจะเป็นตัวโจ๊กเรียกเฮฮาเสียด้วย
ในช่วงสัมภาษณ์ เราลองถามถึงเพลงที่แต่ละคนชอบจาก EP 24 – How to Find True Love and Happiness ซึ่งแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน ตั้งแต่เหตุผลแปลกๆ อย่างของฮยอนแจที่มีความแนวอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เขาบอกเราว่า ชอบ Skyworld เพียงเพราะว่า “มันสั้นดี” ในขณะที่ดงกอนจะชอบ Goodbye Seoul เพราะเล่นแล้วสนุก ซึ่งก็คล้ายๆ กับอินอูที่ชอบ Citizen Kane ด้วยความสนุกเวลาเล่น ทุกคนที่เคยดูคอนเสิร์ตพวกเขาคงเห็นกันแล้วว่า อินอูตีกลองเพลงนี้ได้ดุเดือดเลือดพล่านขนาดไหน อินอูแถมให้อีกเพลงว่า เขายังชอบความละเมียดในเพลง Gang Gang Schiele (ที่ผมเพิ่งรู้ เขาอ่านว่า กัง กัง ไม่ใช่ แก๊ง แก๊ง) ส่วนโอฮยอกกลับบอกว่า “ผมไม่อยากแนะนำเพลงไหนแค่เพลงเดียวครับ เพราะผมมองว่าทุกเพลงเป็นส่วนหนึ่งของงาน เหมือนกับหนังเรื่องหนึ่งจะให้แนะนำแค่ฉากใดฉากหนึ่งก็คงไม่ได้ เพลงในอัลบั้มนี้ก็เลยอยากแนะนำให้ฟังทั้งหมดตั้งแต่ต้น”
กับคำถามยอดฮิต ทำไมต้องตามหารักแท้และความสุข
โอฮยอกตอบคำถามนี้ไว้ว่า “ก่อนจะเป็นอัลบั้มนี้ สิ่งที่เราพูดในเพลง มันจะเป็นเรื่องหลากหลายสารพัดที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา แต่ในอัลบั้มนี้ เราอยากพูดถึงบางสิ่งบางอย่างจำเพาะเจาะจงมากขึ้น อย่างเช่น รักแท้และความสุข แต่เราก็ยังหาคำตอบไม่เจอ และก็ยังอยากตามหาต่อไป เราเลยเลือกชื่อนี้มาเป็นชื่ออัลบั้ม และชื่อนี้ก็เป็นธีมของเพลงในอัลบั้มนี้ด้วย”
ในคอนเสิร์ต โอฮยอกพูดเรื่องนี้ซ้ำอีกครั้ง หลังจากเล่นเพลงแรก Skyworld จบ แต่ถึงแม้วงจะตอบคำถามนี้มาเป็นร้อยครั้งแล้ว พอได้ยินจากปากของพวกเขาจริงๆ เราก็รู้สึกได้ว่า นี่คือสิ่งที่เขากำลังตามหาและค้นหาความหมายของมัน
ในมิวสิกวิดีโอเพลง Love Ya! ยังแสดงให้เห็นถึงมุมมองของความรักที่ไม่จำกัด โอฮยอกเล่าให้เราฟังว่า “เพลงนี้มันไม่มีคำว่าหญิงหรือชายครับ ไม่มีคำว่าฉันหรือเธอ อุปมาว่ามีแค่คำว่าคุณและฉัน ค่อนข้างกว้างและไม่เจาะจง ผมเชื่อว่าโลกที่เราอยู่มันมีแค่คุณและฉัน ตัวของพวกเราเองที่อยู่ตรงนี้เนี่ยสำคัญที่สุดครับ”
ผลงานเพลงที่กลายเป็นความทรงจำ
เมื่อถามถึงการที่เป็นวงอินดี้ที่ทะลุออกมาจากวงการ K-Pop สิ่งนี้เป็นแรงกดดันให้พวกเขาไหม เมื่อต้องทำเพลงให้คนฟังที่กว้างขึ้นกว่าเดิม โอฮยอกตอบว่า “เคยครับ ตอนที่พวกเราทำอัลบั้ม 23 เราเคยรู้สึกแบบนั้น มีความรู้สึกกดดัน แต่ตอนนี้เราไม่สนเลยครับ เราทำอย่างที่เราอยากทำ โฟกัสในสิ่งที่เราอยากทำครับ”
ถามว่าอีกสัก 15-20 ปี ต้องมองย้อนกลับมาที่อัลบั้มเก่าๆ ที่เคยตั้งชื่อไว้ตามอายุปีต่างๆ เขาจะรู้สึกอย่างไร “เราคงไม่รู้หรอกครับ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เราก็ได้แต่คอยมองดูไปเรื่อยๆ กับอัลบั้มเก่าๆ เมื่อกลับไปไล่ฟังทั้งอัลบั้มก็รู้สึกเปลี่ยนไปบ้าง เพราะตัวเราเองก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม แต่อัลบั้มพวกนั้นมันเหมือนเป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำต่างๆ เหมือนเป็น Post Note Journey ความทรงจำในการเดินทางของพวกเรา บางครั้งคุณก็พอใจ บางครั้งก็มีความรู้สึกผสมๆ กันไป หรือรู้สึกกระอักกระอ่วนบ้าง มันเปลี่ยนไปตลอด”
ความสำเร็จในวันนี้และผลงานในอนาคต
คอนเสิร์ตที่กรุงเทพฯ เป็นโชว์สุดท้ายของทัวร์ในปีนี้ หลังจาก Hyukoh ผ่านทัวร์กว่าสิบเมืองในสหรัฐอเมริกา และหลายๆ โชว์ในประเทศแถบเอเชีย ช่วงปลายปีพวกเขาวางแผนกลับเกาหลีใต้ แล้วจะเริ่มทัวร์อีกครั้งต้นปีหน้าที่ยุโรป เราถามว่า พวกเขาแปลกใจไหมที่ได้เดินทางไปแสดงคอนเสิร์ตในหลายๆ ประเทศแบบนี้
“เราได้ไปหลายที่มากขึ้น และสถานที่ที่ใหญ่ขึ้น บัตรก็ขายได้ดี ไม่ได้มีที่ประหลาดใจมากเกินไป พวกเราเพิ่งไปเล่นมาหลายเมืองที่สหรัฐอเมริกา เกินครึ่งของเมืองเหล่านั้น พวกเราก็ไม่เคยไปมาก่อน ก็แปลกใจเหมือนกันว่าเมืองเหล่านั้นอยู่คนละฟากกับเกาหลีเลย แต่ก็มีคนรู้จักพวกเรา ร้องเพลงของเราได้ ในยุโรปก็มีบางที่ที่ไม่ได้คาดไว้ว่าจะมีคนสนใจครับ”
ตามมาด้วยคำถามว่า ทัวร์กันตลอดปี มีเวลาได้เตรียมงานใหม่ๆ บ้างไหม แล้วงานใหม่ของพวกคุณจะผสมแนวเพลงไหนเข้าไปบ้าง “อัลบั้มหน้าก็มีมองๆ ไว้บ้างแล้วครับ แต่ตอนนี้ออกทัวร์อยู่ ก็จะไม่ค่อยมีเวลาทำ จะอัดเสียงไว้ในโทรศัพท์ เก็บวัตถุดิบไปเรื่อยๆ ถ้าจะเติมก็อยากจะเติมแนว Psychedelic เข้าไปในเพลงครับ”
ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่พวกเขาบอกจริงๆ ในอัลบั้มหน้าเราคงได้ฟังเพลงนัวเนียแบบช่วงที่ Hyukoh เล่นเพลง Gondry เวอร์ชันคอนเสิร์ตแน่ๆ รอฟังกันได้เลย
ไม่ว่า Hyukoh จะตามหารักแท้และความสุขเจอหรือยัง หรืออัลบั้มหน้าจะไปตามหาอะไรอย่างอื่น แต่บอกได้เลยว่า ทุกคนในคอนเสิร์ต ‘Hyukoh 24 Tour Bangkok’ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้พบความสุขจากการแสดงแบบใส่เต็มของพวกเขา ที่สร้างความประทับใจได้เต็มเปี่ยม และถ้า Hyukoh กลับมาอีกครั้งในปีหน้าอย่างที่ให้สัญญาไว้บนเวที เชื่อได้ว่า พวกเราก็ยังอยากไปรับพลังจาก 4 หนุ่มเหล่านี้กันอีกแน่นอน
*ขอขอบคุณ Seen Scene Space สำหรับโอกาสในการสัมภาษณ์ครั้งนี้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
เราขอให้สมาชิกแต่ละคนแนะนำเพลงใหม่ๆ ที่ฟังอยู่ ให้แฟนเพลงในเมืองไทยได้ลองฟัง แต่ละคนมีเพลงมาแนะนำกันตามนี้ ซึ่งบอกได้เลยว่า หลายๆ วงแม้ไม่เคยได้ยินชื่อ แต่พอลองฟังแล้วก็ต้องบอกว่า แต่ละวงที่สมาชิก Hyukoh เลือกมา บ่งบอกตัวตนของแต่ละคนได้ดีจริงๆ
โอฮยอก: อยากให้ลองฟัง Kiha and The Faces ครับ เพราะนี่จะเป็นอัลบั้มสุดท้ายของวงแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะทำต่อไหม
(Kiha and The Faces วงโมเดิร์นร็อกของเกาหลีใต้ นักร้องนำคือ ชางคีฮา แฟนเก่าของไอยู)
อินอู: ผมฟัง L’Entourloop อยู่ครับ
(L’Entourloop วงฮิปฮอป เรกเก้ ของฝรั่งเศส)
ดงกอน: เพลงของ GUM ครับ ศิลปินจากที่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน
(เราค้นมาให้แล้วว่า GUM เป็นศิลปินชาวออสเตรเลีย ชื่อจริงว่า เจย์ วัตสัน (Jay Watson) สมาชิกวง Tame Impala และ Pond)
ฮยอนแจ: ไม่มีอะไรแนะนำครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ฟังเพลง