หลายๆ คนที่มีโอกาสได้เฝ้าติดขอบจอรับชมฟุตบอล EURO 2024 ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมา น่าจะมีโอกาสได้ชมฟอร์มสุดโหดของทัพกระทิงดุ ทีมชาติสเปน ที่ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นแชมป์ได้สำเร็จ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด THE STANDARD POP เชื่อว่านอกจากความยอดเยี่ยมของทีมชาติสเปนแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่คุณน่าจะได้เห็นผ่านตาจนคุ้นชินคือโลโก้ของ ‘Hublot’ (อูโบลท์) แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาชั้นสูงจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่ปรากฏอยู่ตลอดการแข่งขัน เนื่องด้วย Hublot ได้ชื่อว่าเป็น Official Watch อย่างเป็นทางการให้กับทัวร์นาเมนต์การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรปรายการนี้
ตั้งแต่ป้าย Referee Board ที่ใช้ในการแสดงผลเพื่อเปลี่ยนตัวนักฟุตบอล บอกเวลาในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาฬิกาที่ใช้จับเวลาการแข่งขันในสนาม เรื่อยไปจนถึงนาฬิกาข้อมือของผู้ตัดสินในสนามทุกคน ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นนาฬิกาหรือใช้เทคโนโลยีในการแสดงเวลาของ Hublot แทบทั้งสิ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งความเที่ยงตรงและแม่นยำมากที่สุด
Referee Board ของการแข่งขัน EURO 2024
ต้องบอกว่าจริงๆ แล้ว Hublot ไม่ได้เพิ่งหันมาให้ความสำคัญหรือสนใจรายการการแข่งขันฟุตบอลเมื่อเร็วๆ นี้แต่อย่างใด เพราะหากย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2006 หรือเมื่อประมาณ 18 ปีที่แล้ว พวกเขายังได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตนาฬิการายแรกของโลกในกลุ่ม Luxury Brand ที่เข้ามามีส่วนร่วมในโลกของฟุตบอลผ่านการเข้าไปสนับสนุน โดยการเป็นสปอนเซอร์ให้กับฟุตบอลทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ในการลงฟาดแข้งกับชาติอื่นๆ
เช่นเดียวกับเมื่อ 2 ปีที่แล้วในศึกฟุตบอลโลก FIFA World Cup 2022 ที่ Hublot ก็เป็น Official Timekeeper ให้กับทั้งทัวร์นาเมนต์ หรือในลีกมหาชน Premier League และศึกชิงเจ้ายุโรป UEFA Champions League ที่ Hublot ก็เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการเช่นกัน
แต่นอกเหนือจากฟุตบอลแล้ว Hublot ยังให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในทุกรูปแบบเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าคุณจะชอบไลฟ์สไตล์แบบไหน Hublot ก็พร้อมจะสนับสนุนให้คุณได้มีอิสระและความสุขไปกับการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่อยู่เสมอ!
อูโบลท์ บิ๊กแบง อี เจน3 ยูฟ่า ยูโร 2024™
(Hublot Big Bang e Gen3 UEFA EURO 2024™) นาฬิการุ่น Limited Edition
ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับการแข่งขัน EURO 2024 โดยเฉพาะ
อีกหนึ่งบทพิสูจน์ ‘The Art of Fusion’ หรือดีเอ็นเอของแบรนด์
รู้จัก Hublot ให้มากขึ้นผ่านจิตวิญญาณแห่ง The Art of Fusion ที่หลอมรวมขนบ ประเพณี ศิลปะ และความล้ำสมัย เข้าด้วยกันอย่างลงตัว
Hublot คือแบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาสัญชาติสวิสที่ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1980 โดยมหาเศรษฐีชาวอิตาลี Carlo Crocco ที่มีความรักในนาฬิกาและต้องการผลิตนาฬิกาที่มีความหรูหรา แต่ยังสามารถตอบสนองความต้องการในการใช้ชีวิตเอาต์ดอร์ อย่างเช่น การแล่นเรือยอชต์ได้อย่างเต็มที่
จนเป็นที่มาของจุดเด่นที่สำคัญอย่างยิ่งยวดของแบรนด์ Hublot ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นดีเอ็นเอของแบรนด์คือ การที่พวกเขายึดถือในปรัชญา ‘The Art of Fusion หรือศิลปะแห่งการผสมผสาน ซึ่งเป็นการหลอมรวมเอามุมมองที่แตกต่างกันใน 3 ประเด็นเข้าด้วยกัน ประกอบไปด้วย ขนบธรรมเนียมและประเพณีอันเก่าแก่ของการผลิตนาฬิกา ผนวกเข้ากับความทันสมัยผ่านนวัตกรรมที่ล้ำหน้า ซึ่ง Hublot ไม่เคยหยุดนิ่งในการคิดค้นหรือการนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ ที่ดีที่สุด ณ ช่วงเวลานั้นๆ มาใส่ในนาฬิกาของพวกเขา และสุดท้ายคือดีไซน์ที่เหนือระดับ ยากต่อการต้านทานทั้งในด้านประสิทธิภาพและความสวยงามเชิงกายภาพที่จับต้องได้เมื่อขึ้นข้อ สวมใส่นาฬิกา Hublot อยู่บนข้อมือ
หนึ่งในหลักฐานที่พิสูจน์ให้เห็นว่า Hublot เชื่อใน Brand DNA ที่ชื่อว่า The Art of Fusion อย่างแท้จริงก็คือ การที่พวกเขาถือเป็นแบรนด์นาฬิการายแรกของโลกที่บุกเบิกในการกล้าที่จะหยิบเอาวัสดุทั้งสองชนิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงอย่าง Rubber และทองคำ ที่ดูจะไม่เข้ากันเลยมาผสานเข้าไว้ด้วยกัน พัฒนาออกมาเป็นดีไซน์นาฬิกาที่น่าอัศจรรย์ ทั้งยังลงตัวอย่างมีเสน่ห์ยิ่งยวด
การผสานอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ผ่านนาฬิกา ฟังผิวเผินอาจดูเป็นเรื่องที่จินตนาการออกมาเป็นภาพได้ยาก แต่ Hublot ไม่ได้แค่ทำออกมาได้สำเร็จ แต่ยังทำมาต่อเนื่องยาวนานกว่า 4 ทศวรรษผ่านนาฬิกาทุกเรือนของพวกเขา ด้วยความมุ่งมั่นที่เชื่อในการผสมรวมของความสวยงาม ธรรมเนียมขั้นสูงของการผลิตนาฬิกาตั้งแต่ในอดีต เข้ากับนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและดีไซน์ที่ไม่มีใครเหมือน
นั่นจึงทำให้นาฬิกาของ Hublot ทุกเรือนแตกต่าง โดดเด่น และยูนีก อย่างไม่มีใครเหมือน สำคัญที่สุดคือ พวกเขาไม่เคยลืมรากฐานความเป็นเลิศด้านประสิทธิภาพการเป็นนาฬิกาไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัยก็ตาม
The Art of Fusion และการพาตัวเองไปเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ผู้คนในทุกมิติ
สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกชื่นชอบและเชื่อว่าเป็นแนวคิดที่แข็งแรงเป็นอย่างมากในปรัชญา The Art of Fusion ของ Hublot คือการที่พวกเขาให้ความสำคัญ ‘ด้านงานดีไซน์’ ไม่ต่างจากขนบธรรมเนียมการผลิตนาฬิกาชั้นเลิศ นั่นจึงทำให้ Hublot มักพาตนเองออกไปเชื่อมโยงกับผู้คนผ่านไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ซึ่งถือเป็นทั้งการเปิดรับแรงบันดาลใจที่ไม่หยุดนิ่ง และการพาตัวเองเข้าไปอยู่ในทุกมิติความสนใจของผู้คนที่ไร้ซึ่งพรมแดนแห่งการปิดกั้น
สิ่งเหล่านี้ปรากฏให้เห็นผ่านการทำงานร่วมกับศิลปินต่างๆ ที่แตกต่างหลากหลายแขนงในโลกศิลปะ ไม่ว่าจะเป็น งานศิลปะ, ดนตรี, อาหาร หรือแฟชั่น เป็นต้น
ที่ผ่านมาเราจึงได้เห็น Hublot สร้างสรรค์โปรเจกต์ Collaboration ร่วมกับศิลปินและแบรนด์ดังมากมาย ตัวอย่างเช่น Takashi Murakami เจ้าของผลงานดอกไม้สุดป๊อป Murakami Flower ที่ผู้คนทั่วโลกหลงใหล โดย Takashi Murakami ขึ้นชื่อในด้านการนำวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาถ่ายทอดผ่านคัลเจอร์ของโลก Pop Art อันเลื่องลือ ซึ่งทำให้เขาโดดเด่นและหาตัวจับยากเป็นลำดับต้นๆ ของวงการ
Takashi Murakami และนาฬิกา
Hublot MP-15 Takashi Murakami Tourbillon Sapphire
หรือการทำงานร่วมกับ Daniel Arsham ศิลปินร่วมสมัยสไตล์ Contemporary Art สัญชาติอเมริกัน ที่เพิ่งมีงานจัดแสดงที่บ้านเราไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดย Daniel Arsham ถือเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงโดดเด่นจากผลงานศิลปะหลากรูปแบบ ทั้งงานประติมากรรม, งานจิตรกรรม และงาน Installation Art โดยที่แก่นหลักของเขามักจะหยิบยกเรื่องราวของ ‘เวลา’ ที่ถ่ายทอดผ่านอดีต ปัจจุบัน และมุ่งหน้าไปสู่อนาคต ซึ่งคล้ายคลึงกับมุมมองเรื่อง The Art of Fusion ที่แบรนด์ Hublot ยึดถือเป็นดีเอ็นเอของแบรนด์อยู่พอสมควร
Daniel Arsham กับนาฬิกาพกรุ่นใหม่ล่าสุด Hublot Arsham Droplet
รวมถึงการโคจรมาพบกับ Samuel Ross ดีไซเนอร์มากฝีมือชาวสหราชอาณาจักร ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์แฟชั่น A-COLD-WALL* ซึ่งจุดเด่นในงานของ Samuel Ross คือการผสมผสานความสวยงามเชิงสุนทรียภาพ (Aesthetic) ให้เข้ากับความสามารถในการใช้งานได้จริงอย่างพอเหมาะพอเจาะ (Functional) นั่นจึงทำให้การทำงานร่วมกันระหว่าง Hublot และ Samuel Ross กลายเป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกัน
Samuel Ross และนาฬิกา
Hublot Big Bang Tourbillon SR_A By Samuel Ross
ทางด้านดนตรีกับความร่วมมือกับ LAY ZHANG หรือ จางอี้ชิง ศิลปินมากความสามารถจากจีน และอดีตสมาชิกวง EXO ในฐานะ Hublot Ambassador ซึ่ง LAY ถือเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่มีความสามารถครบเครื่องในหลากหลายมิติ ทั้งการเป็นนักร้อง นักแสดง นักแต่งเพลง นักเต้น หรือแม้แต่โปรดิวเซอร์
LAY ZHANG
นอกเหนือจาก LAY ZHANG ก็ยังมี Lang Lang นักเปียโนชาวจีน ที่สร้างชื่อให้ตัวเองผ่านความสามารถทางดนตรีอันเอกอุ สามารถสะกดคนดูทั้งฮอลล์การแสดงด้วยฝีไม้ลายมือการวาดลวดลายบนเปียโนของเจ้าตัว ซึ่ง Lang Lang ได้ทำงานร่วมกับ Hublot ในฐานะ Hublot Ambassador เช่นเดียวกับกรณีของ Depeche Mode วงดนตรี Electronic Rock สัญชาติอังกฤษ ซึ่ง Hublot ได้ทำงานร่วมกับพวกเขาผ่านการสนับสนุนโปรเจกต์เพื่อสังคมในหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ช่วงปี 2010 เป็นต้นมา เช่น การขับเคลื่อนประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการ The Conservation Collective หรือ The Teenage Cancer Trust and Charity โครงการให้ความช่วยเหลือสำหรับผู้ป่วยมะเร็งกลุ่มเยาวชน
(ซ้าย) Lang Lang นักเปียโนระดับโลกจากจีน
และ (ขวา) Depeche Mode วงดนตรี Electronic Rock สัญชาติอังกฤษ
ไม่ใช่แค่โลกศิลปะ งานออกแบบ งานดีไซน์ หรือโลกดนตรี เท่านั้น เพราะแม้แต่ Gastronomy หรือโลกแห่งศาสตร์การทำอาหาร Hublot ก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดยที่พวกเขาได้ทำงานร่วมกับเชฟระดับโลกที่คว้า MICHELIN Stars มามากมายในฐานะ Brand Ambassador เช่น Andreas Caminada, Anne-Sophie Pic, Yannick Alléno ฯลฯ ซึ่งเชฟถือเป็นหนึ่งในอาชีพที่ต้องพึ่งความเที่ยงตรงของเวลา เพื่อให้ทุกเมนูและทุกจานที่รังสรรค์เต็มสามารถ สร้างความอัศจรรย์และความประทับใจให้กับลูกค้าทุกคนได้อย่างมีมาตรฐาน
จากแฟชั่น ศิลปะ งานออกแบบ และอาหาร สู่โลกกีฬา
อย่างที่เราได้กล่าวไปตอนต้นว่า Hublot เป็นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับกีฬาและโลกแห่งลูกหนังเป็นอย่างมาก วัดได้จากการที่พวกเขาเข้าไปสนับสนุนการแข่งขันรายการเมเจอร์ใหญ่ๆ เสมอมา จนเกิดเป็นแคมเปญ Hublot Loves Football ที่โด่งดังและประสบความสำเร็จจนถึงขีดสุด
ซึ่งนอกเหนือจากการสนับสนุนในฐานะ Official Watch หรือ Official Timekeeper ให้กับรายการแข่งขันระดับเมเจอร์ อีกหนึ่งสิ่งที่ Hublot ทำได้ดีจนกลายเป็นภาพที่เห็นจนชินตาคือ การทำงานร่วมกับบุคลากรในวงการฟุตบอลมากมาย ทั้งนักฟุตบอลที่ยังคงค้าแข้งอยู่ในปัจจุบัน โค้ชผู้จัดการทีม เรื่อยไปจนถึงตำนานของวงการที่แขวนสตั๊ดไป พิสูจน์ให้เห็นว่าความเข้าใจในโลกกีฬาและฟุตบอลของ Hublot ไม่ได้ให้ความสำคัญกับแค่ปัจจุบันแต่อย่างใด เพราะยังหมายรวมถึงอดีต (ตำนานของวงการ) ที่เป็นข้อต่อและแรงบันดาลใจสำคัญที่ก่อให้เกิดความรุ่งเรืองในปัจจุบันและอนาคตอีกด้วย
ไม่แปลกที่ Hublot จะได้ยอดกองหน้าเบอร์ต้นๆ ของวงการอย่าง Kylian Mbappé กองหน้าสัญชาติฝรั่งเศสจากสโมสรเรอัล มาดริด มาร่วมงานกับพวกเขาในฐานะ Brand Ambassador ซึ่งการได้ตัว Kylian Mbappé มาผนึกกำลังร่วมกันกับ Hublot ในการสร้างสรรค์แบรนด์ของพวกเขาในโลกกีฬาและฟุตบอล น่าจะเป็นคำตอบที่พิสูจน์ได้ดีว่า Hublot รักฟุตบอลมากขนาดไหน (Hublot Loves Football)
(ซ้าย) Didier Deschamps และ (ขวา) José Mourinho
เช่นเดียวกับการทำงานร่วมกับ José Mourinho ตำนานโค้ชชาวโปรตุเกส ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น The Special One แห่งวงการฟุตบอล และ Didier Deschamps ตำนานนักเตะและกุนซือทัพตราไก่ ผู้พาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 2018 ในฐานะ Friend of the Brand
David Trezeguet เมื่อครั้งมาร่วมงานเปิด Hublot Loves Football
Pop-up Store ที่สยามพารากอน เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
รวมถึง David Trezeguet ตำนานจอมถล่มประตูจากฝรั่งเศส ผู้ยิงประตูชัยในช่วง ‘ต่อเวลาพิเศษ’ พาทัพเลส์ เบลอส์ โค่นอิตาลี คว้าแชมป์ EURO 2000 มาครองได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็น Hublot Friend of the Brand อีกคนเช่นกัน โดยที่เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าตัวเพิ่งเดินทางมาเมืองไทยเพื่อร่วมงานเปิดตัว Hublot Loves Football Pop-up Store ที่จัดขึ้นที่สยามพารากอน ซึ่งเพิ่งจบไปในช่วงของการแข่งขัน EURO 2024
Novak Djokovic กับนาฬิกา Hublot Big Bang Unico Blue Ceramic
ไม่เพียงแค่โลกลูกหนังเท่านั้น แต่ Hublot ยังให้ความทุ่มเทและสนใจในกีฬาอื่นๆ ไม่แพ้กัน โดยที่พวกเขายังเปิดกว้างในการทำงานร่วมกับนักกีฬาชื่อดังระดับโลกจากทั่วทุกเกมกีฬา เช่น Novak Djokovic นักเทนนิสระดับโลก ผู้ที่ได้ชื่อว่าขึ้นเป็นมือหนึ่งของโลกด้วยอายุที่มากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ที่ 36 ปี 321 วัน
Usain Bolt กับนาฬิกา Hublot Big Bang Unico White Ceramic
การทำงานร่วมกับมนุษย์ที่เร็วที่สุดในโลก The Lightning Bolt หรือ Usain Bolt ตำนานนักวิ่งลมกรดจากจาเมกา หรือ Dustin Johnson โปรกอล์ฟจากสหรัฐอเมริกา
จะเห็นได้ว่าทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้ ตั้งแต่การเปิดรับและพาตัวเองออกไปค้นพบไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้คนในมิติต่างๆ ตั้งแต่โลกของงานออกแบบ แฟชั่น ศิลปะ ดนตรี ตลอดจนฟุตบอลและกีฬา ทั้งหมดทั้งมวลล้วนแล้วแต่พิสูจน์ให้เห็นพลวัตที่ไม่เคยหยุดนิ่งของ Hublot ในการออกไปสร้างแรงบันดาลใจและเชื่อมโยงกับผู้คนที่หลากหลายอย่างไร้ซึ่งข้อจำกัด
เฉกเช่นเดียวกับค่านิยมที่เชื่อใน The Art of Fusion ที่ผสานทั้งด้านการประดิษฐ์นาฬิกาซึ่งเป็นศาสตร์ชั้นสูงในแบบดั้งเดิม เข้ากับนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและงานดีไซน์ที่ยูนีก ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดขึ้นได้ด้วยการไม่หยุดนิ่งในการค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ และนำเรื่องราวเหล่านั้นมาสร้างสรรค์ Fusion หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ Hublot นั่นเอง