พอกันทีกับปรินเตอร์ที่ต้องให้เลือกข้างระหว่างระบบ Ink Jet หรือ Laser ต้องการให้ตัวอักษรชัดภาพก็เบลอ พอภาพหายเบลอตัวอักษรก็ไม่ชัด สร้างความหงุดหงิดกวนใจให้กับผู้ใช้งานมานาน แน่นอนที่สุดว่าปัญหาดังกล่าวจะเป็นแค่เพียงความทรงจำ เพราะแบรนด์ HP มาเหนือชั้น จับระบบทั้งสองมาผสานเป็นหนึ่ง พร้อมเพิ่มเติมฟังก์ชันการใช้งานแบบเต็มสูบชนิดที่เรียกได้ว่าฉีกทุกกฎเกณฑ์ระบบการปรินต์แบบเก่าทั้งหมด โดยเฉพาะการคิดค้นเทคโนโลยี ‘PageWide’ ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานในยุคดิจิทัลได้จบครบทุกมิติ
สำหรับเทคโนโลยี ‘PageWide’ คือเทคโนโลยีความเร็วระบบปรินต์ดิจิทัลสูงสุดที่รวมจุดเด่นของทั้งระบบ Ink Jet และ Laser เข้าไว้ด้วยกัน และประหยัดพลังงานมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีการพิมพ์แบบเดิมๆ ภายใต้การใช้งานแบบมัลติฟังก์ชัน ไม่ว่าจะพิมพ์ สแกน หรือส่งแฟกซ์ มาพร้อมกับคุณภาพสีระดับโปรเฟสชันนัล รวมถึงสามารถใช้งานกับกระดาษ A3 ได้
เริ่มจากความรวดเร็วระดับท็อปกันก่อนด้วยอัตรา 80 แผ่นต่อ 1 นาที สำหรับการพิมพ์ทั้งโหมดสีและขาวดำ จากหัวพิมพ์แบบสเปเชียลวันในนาม Print Bar ที่ครอบคลุมความกว้างหน้ากระดาษทั้งหมดจนสามารถปล่อยน้ำหมึกลงบนแผ่นกระดาษมากกว่า 10 ล้านหยดต่อวินาทีได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดต้นทุนการพิมพ์สีต่อหน้าต่ำ นอกจากนี้ยังสามารถป้อนกระดาษสูงสุดถึง 4,650 แผ่น และมีอัตราการพิมพ์สูงสุดถึง 50,000 แผ่น
ในยุคที่นอกอาคารเต็มไปด้วยฝุ่น PM2.5 ขนาดนี้แล้ว การลดปริมาณฝุ่นภายในตัวอาคารลงให้ได้มากที่สุดจึงมีความสำคัญต่อผู้ใช้งานอย่างยิ่ง HP ได้โชว์ความสมาร์ทของหัวหมึกที่ละเอียดเล็กกว่าเส้นผม ทำให้ขณะใช้งานไม่ก่อให้เกิดฝุ่นผงฟุ้งกระจายจนกลายเป็นมลพิษรบกวน สุขภาพระบบทางเดินหายใจของผู้ใช้จึงปลอดภัย แถมยังไร้กลิ่นรบกวน รวมถึงหมึกที่พิมพ์ออกมาบนกระดาษยังสามารถกันน้ำได้อีกด้วย
ขณะที่ฟังก์ชันการใช้งานจำเป็นอื่นๆ ก็เพียบพร้อมตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างตรงจุด เช่น รูปแบบการพิมพ์สองหน้าโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องมาคอยพลิกกระดาษกลับไปมาให้เสียเวลาเหมือนแต่ก่อน, การสแกนเอกสารจำนวนมากผ่าน Auto Feeder แบบสองหน้า, การรองรับระบบ Air Print สั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน หรือจะพิมพ์ผ่านการต่อสาย LAN รวมถึงจอคอนโทรลทัชสกรีนพร้อมแป้นคีย์บอร์ด เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการจัดการไฟล์และพิมพ์ข้อความ ฯลฯ
และเพื่อให้รองรับกับธุรกิจยุคดิจิทัลได้มากขึ้น HP ยังได้เพิ่มระบบ BIOS หรือระบบการจัดการความปลอดภัยอย่างรวดเร็ว และสามารถตรวจจับซ่อมแซมตัวเองได้อัตโนมัติทันทีเพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งปัจจุบัน HP ถือเป็นผู้นำหลักของเทคโนโลยีนี้มาโดยตลอด ไล่ตั้งแต่ ตัวเครื่อง ทั้งการตั้งค่า Whitelist ป้องกันเฟิร์มแวร์และระบบตรวจสอบผู้บุกรุกพื้นที่หน่วยความจำภายในเครื่อง ด้านข้อมูล การตรวจสอบป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต การป้อนรหัสเพื่อป้องกันการโจรกรรมและการดัดแปลงข้อมูล รวมถึงการตรวจสอบภัยคุกคามทางไซเบอร์พร้อมโปรแกรมฟื้นฟู และอันดับสุดท้าย ด้านเอกสาร มอบพื้นที่การใช้งานส่วนตัว การยินยอมให้บุคคลอื่นเข้าถึง ตลอดจนอุปกรณ์ต่อต้านการยับยั้งและการปลอมแปลง
ดังนั้นสำหรับเครื่องปรินเตอร์ที่ส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้สำนักงานที่ใช้ร่วมกันภายในองค์กร ระบบความปลอดภัยดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจควรหันมาพิจารณากันให้มากยิ่งขึ้น เพราะบทเรียนทั่วโลกต่างตอกย้ำและพิสูจน์ให้เห็นถึงภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ที่ได้สร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาลให้กับธุรกิจต่างๆ มากมายมาแล้ว
ไม่เพียงเท่านี้ ทาง HP ยังมีบริการสำหรับสมัครสมาชิกผ่านระบบออนไลน์ และทีมพนักงานที่พร้อมบริการช่วยเหลือในการเลือกปรินเตอร์ให้เหมาะสมกับการใช้งานของออฟฟิศแต่ละแห่ง โดยการคำนวณจากความต้องการพิมพ์สีหรือขาวดำ จำนวนการพิมพ์ต่อเดือน และจำนวนพนักงานในบริษัท ตลอดจนการบริการหลังการขาย รับส่งสินค้าให้ที่ออฟฟิศ พร้อมทีมงานติดตั้งและซ่อมแซมอย่างรวดเร็วทันใจ จึงมั่นใจได้ว่าทุกธุรกิจจะได้รับประโยชน์สูงสุด ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ store.hp.com/th-th/default/hp-print-subscription?jumpid=sc_b7jhz9qv5f
จากประโยชน์ทั้งหมดของ HP Smart MFP เทคโนโลยี PageWide ปรินเตอร์อัจฉริยะข้างต้น คงเพียงพอให้เจ้าของกิจการทั้งใหญ่เล็กรีบไปจับจองนำมาใช้งานกันได้แล้ว ยิ่งช้า ต้นทุนทั้งเวลา ราคา การผลิต และระบบการจัดการต่างๆ ก็ยิ่งสูญเสียไปโดยใช่เหตุ เพราะในยุค Digital Disruption เช่นนี้ เพียงเสี้ยววินาที ธุรกิจของคุณก็อาจถึงขั้นตกขอบและถูกกลืนหายไปอย่างไม่มีสิทธิ์กลับคืนลงสู่สนามได้อีกเลย
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HP Smart MFP: www8.hp.com/th/th/printers/a3-multifunction.html?jumpid=va_szxq4ghupc
