×

จัดพอร์ต DR อย่างไรให้เข้าเส้นชัยในครึ่งปีหลัง

01.08.2024
  • LOADING...
พอร์ต DR

ผ่านกันมาแล้วครึ่งทางสำหรับปี 2567 นักลงทุนหุ้นไทยอาจยังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่าง เช่น การเติบโตของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ความไม่แน่นอนของนโยบายภาครัฐ การเมือง หรือปัญหาธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อบรรยากาศการลงทุนในหุ้นไทย อันนำไปสู่ดัชนี SET ที่ติดลบกว่า 7% นับจากต้นปี (ข้อมูล ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2567) ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ Underperform มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ท่ามกลางตลาดหุ้นในต่างประเทศหลายแห่งที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น หรือหากพิจารณา DR ในตลาดหุ้นไทยก็มีหลายตัวที่ปรับขึ้นได้ดี 

 

ในบทความนี้จะเป็นการพูดถึงมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฮ่องกง และเวียดนาม พร้อมคำแนะนำการจัดพอร์ตการลงทุนในประเทศดังกล่าวผ่าน DR ในตลาดหุ้นไทยที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ETF ที่ลงทุนอ้างอิงดัชนีหลักในต่างประเทศ ซึ่งผู้เขียนมองว่าน่าสนใจในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อกู้สถานการณ์พอร์ตการลงทุนให้กลับมาดีขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยกระจายการลงทุนไปยังหุ้นต่างประเทศมาก่อนเลย

 

หากเรียงลำดับ 3 ตลาดหุ้นข้างต้นที่เราชอบมากที่สุดในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดหุ้นแรกที่ผู้เขียนมองว่าควรมีการลงทุนติดพอร์ตไว้คือ ‘เวียดนาม’ เนื่องจากเห็นถึงโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่แข็งแกร่งในระยะข้างหน้า เรามีโอกาสเห็น GDP เวียดนามโตในระดับ 6% ต่อปีขึ้นไป หนุนจากภาคการส่งออก แนวโน้มการย้ายฐานการผลิตมาสู่เวียดนาม รวมถึงการบริโภคภายในประเทศที่ได้รับแรงกระตุ้นจากนโยบายลด VAT จาก 10% เหลือ 8% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ 

 

ในขณะที่ตลาดหุ้นก็คาดว่าจะมีแรงขับเคลื่อนจากกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มโตระดับ 20% ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า พร้อมด้วยมูลค่าหุ้นที่ยังอยู่ในระดับต่ำ P/E 12 เดือนข้างหน้าของตลาดหุ้นเวียดนามอยู่ที่เพียง 11 เท่า ทำให้มองว่าสนใจทั้งในแง่อัตราการเติบโตและมูลค่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในอาเซียน

 

สำหรับ ตลาดหุ้นอันดับที่ 2 คือ ‘สหรัฐฯ’ ถึงแม้ว่าหุ้นสหรัฐฯ จะปรับขึ้นมาเด่นแล้วนับจากต้นปี ซึ่งผลักดันโดยหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ AI อย่าง Magnificent 7 หรือกลุ่ม 7 นางฟ้า แต่ผู้เขียนมองว่ายังมีโอกาสไปต่อได้จากภาพรวมกำไรของกลุ่มนี้ที่ยังแข็งแกร่ง และคาดว่าจะยังเป็นกลุ่มที่แบกตลาดต่อไปในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากบริษัทเหล่านี้สามารถรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากการนำ AI มาผสานลงบนผลิตภัณฑ์ของตนเอง และปัจจุบันยังไม่เห็นสัญญาณของการชะลอตัวมากนัก 


 

รวมถึงแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ Fed ที่ปัจจุบันตลาดคาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงเดือนกันยายน หลังจากที่เงินเฟ้อ CPI เดือนมิถุนายนออกมาชะลอตัวกว่าที่คาดไว้ ทำให้สหรัฐฯ มีแนวโน้มเข้าสู่สภาวะ Goldilocks หรือเศรษฐกิจยังโตดี ไม่ถดถอย เงินเฟ้อลดลง ซึ่งมักจะเป็นสภาวะที่ดีต่อตลาดหุ้น 

 

ทั้งนี้ ความผันผวนในตลาดอาจกลับมาเพิ่มสูงขึ้นได้ในช่วงก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ เดือนพฤศจิกายน ประมาณ 2 เดือน อิงจากสถิติในอดีต ซึ่งอาจเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้หุ้นสหรัฐฯ พักฐานลงมาบ้าง แต่ผู้เขียนมองว่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้นสหรัฐฯ สำหรับการลงทุนในระยะยาว

 

สุดท้าย ‘ฮ่องกง’ มองว่าจะเป็นภาพของการเคลื่อนไหวในกรอบช่วงที่เหลือของปี หลังจากที่ปรับขึ้นมาเด่นแล้วในช่วงต้นปีจากการใช้นโยบายของรัฐบาลจีนที่มีความตรงจุดมากขึ้น เพื่อแก้ไขภาคอสังหาริมทรัพย์และการบริโภค รวมถึงมาตรการช่วยเหลือตลาดทุน เช่น กองทุนพยุงหุ้นหรือการควบคุมการขายชอร์ต เพียงแต่ว่าตลาดได้รับรู้ข่าวดีดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว 

 

ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวขึ้นมาดีอย่างที่คาดหวังกันไว้ขนาดนั้น เนื่องจากต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ได้แก่ ปัญหาหนี้ ภาวะเงินฝืด และสังคมสูงวัย 

 

ดังนั้นผู้เขียนจึงมองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกงจะต้องมีความ Selective มากขึ้น โดยกลุ่มที่มองว่ายังพอมี Upside ดีกว่าภาพรวมตลาดคือกลุ่มเทคโนโลยีใหญ่หรือกลุ่มที่มีรายได้จากต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่ยังมีความเสี่ยง

 

สำหรับการจัดพอร์ต DR ครึ่งปีหลัง อิงตามมุมมองที่เล่าไปข้างต้น เราให้น้ำหนักของตลาดหุ้นเวียดนามไว้ที่ประมาณ 40%, สหรัฐฯ 35%, ฮ่องกง 20% และหุ้นไทย 5% เพื่อให้มีความสมดุลมากขึ้น 

 

โดย DR อิงหุ้นเวียดนามที่ผู้เขียนชอบคือ FUEVFVND01 มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น DCVFM VNDIAMOND ETF ลงทุนอ้างอิงดัชนี VN Diamond หุ้นเวียดนามที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น Super Stock 

 

ขณะที่ DR อิงหุ้นสหรัฐฯ มองเป็น NDX01 ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ChinaAMC NASDAQ 100 ETF ลงทุนอ้างอิงดัชนี Nasdaq 100 หุ้นเทคชั้นนำของสหรัฐฯ 

 

และฮ่องกงเลือกเป็น CNTECH01 ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ChinaAMC Hang Seng TECH ลงทุนอ้างอิงดัชนี Hang Seng TECH หุ้นเทคจีนขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง 

 

ส่วนไทยขอเลือกเป็น BSET100 ที่เป็น ETF ที่ลงทุนอ้างอิงดัชนี SET 100

 

 

หากพิจารณาผล Backtest นับจากต้นปีจะพบว่า สัดส่วนพอร์ตที่ลงทุนใน DR ผสมกับหุ้นไทยดังกล่าว สามารถเอาชนะดัชนี SET ไปได้เยอะพอสมควร มาถึงจุดนี้นักลงทุนอาจเริ่มตระหนักแล้วว่า การลงทุนต่างประเทศนั้นมีความสำคัญ ทั้งในแง่ของโอกาสในการสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมและการกระจายความเสี่ยงจากตลาดหุ้นไทยที่ยังไม่ไปไหน 

 

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ การเริ่มต้นลงทุนต่างประเทศด้วยกลยุทธ์ DCA ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เราสามารถออมเงินใน DR ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ETF ที่ลงทุนอ้างอิงกับดัชนีหลักในต่างประเทศได้อย่างสม่ำเสมอทุกเดือนผ่านบริการ ‘DCAMIX’ ของหลักทรัพย์บัวหลวง โดยนักลงทุนสามารถเลือก DCA ตามพอร์ตตัวอย่างข้างต้น หรือกำหนดสัดส่วนการลงทุนได้ตามใจชอบ ซึ่งระบบจะ DCA ใน DR หรือ ETF ตามสัดส่วนให้แบบอัตโนมัติ 

 

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ bualuang.co.th/dr หรือ https://wconnex.bualuang.co.th/s/article/dcamix?language=th 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising