ชีวิตของเราคุ้นเคยกับเรื่อง ‘ความโสด’ มาแต่ไหนแต่ไร และนี่อาจไม่ใช่ประสบการณ์ของเราเพียงคนเดียวกับการเติบโตมากับครอบครัวที่มีแม่เป็นซิงเกิลมัม ผ่านการหย่าร้าง และเธอก็โสดโดดเดี่ยวมานมนาน เราเองมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้สัมผัสคำว่า ‘แฟน’ จากผู้ชายคนไหน หรือแม้แต่ตัวเราเองที่เคยเป็นคนโสดที่โหยหาความรัก เพียงเพราะกลัวว่าวันหนึ่งเราจะตายจากโลกนี้ไปโดยไม่มีคนรัก ไม่มีใครเหลียวแล และไม่สามารถจะมีชีวิตแบบที่บรรทัดฐานของสังคมกำหนดไว้ได้
บรรทัดฐานที่ว่านั้นคืออะไร แน่นอนว่ามีคนมากมายที่ถูกคาดหวังจากทางบ้านว่าอยากให้มีครอบครัว มีการงานที่ดี เป็นเจ้าคนนายคน มีความรักที่ดี สร้างบ้าน สร้างฐานะ และใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข ที่ลิสต์ๆ มานี่รู้สึกว่ามันค่อนข้างยากนะ และไอ้ความคาดหวังทั้งหลายมันได้ก่อตัวเป็นผีร้ายที่น่ากลัว คอยหลอกหลอนการใช้ชีวิตของเราจนต้องมาตั้งคำถามว่า ถ้าเราไม่สนใจจะทำตามความคาดหวังเหล่านั้น ชีวิตเราจะฟ้าถล่มดินทลายเลยหรือเปล่า เพราะเอาแค่หาความรักที่ดีก็ดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กับทุกคน แถมความหมายของคำว่า ‘ความสุข’ ที่แท้จริงของชีวิตแต่ละคนก็ต่างผลัดเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
Photo: Instagram @dudewithsign
คนโสด คนสุข
ถ้าคุณเคยชมซีรีส์และภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Sex and the City คุณอาจเดาออกว่าเรากำลังจะพูดถึงตัวละคร ซาแมนตา โจนส์ สาวใหญ่สุดเลิศที่ไร้ซึ่งความสัมพันธ์แบบเป็นตัวเป็นตน เธอรักสนุก เซ็กซี่ และมีเสน่ห์ ใช่ เธอคือตัวแทนของการเป็นโสดอย่างเป็นสุข เป็นตัวของตัวเอง และไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นคนบูชาความรักแต่อย่างใด เพราะเธอนั้นรักตัวเองมากๆ แล้วก็ชัดเจนจริงๆ ว่าคนอย่างเธอไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องความสัมพันธ์นัก ไม่ใช่ความหมายของคนที่เห็นแก่ตัวนะ แต่เรากำลังหมายถึงคนที่เห็นคุณค่าในตัวเองอย่างมากจนไม่ได้แคร์ว่าจะมีใครเข้ามาเติมเต็มเธอได้อีก นอกจากตัวเธอเอง
เราว่าการเห็นคุณค่าในตัวเองนี่แหละคือประเด็นที่สำคัญมากๆ ในยุคปัจจุบัน เพราะถ้าหากความรักคือการเติมเต็มของคนสองคน การที่คนโสดจะเติมเต็มตัวเองด้วยการมองเห็น ‘ความต้องการ’ และ ‘คุณค่า’ ของตัวเองอย่างทะลุปรุโปร่ง แค่นั้นมันคงพอที่จะทำให้ชีวิตคนคนหนึ่งเป็นสุขได้บนความพึงพอใจในตัวเอง เรียกว่าเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตโสดที่ดีที่สุด ‘Best Single Life’ คนหนึ่ง
ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Sex and the City (2008)
มีประโยคหนึ่งของตัวละครนี้ที่เราชอบมาก นั่นคือ “I’ll be not judged by you or society” ที่ซาแมนตาเคยลั่นไว้ต่อหน้าเพื่อนรัก แคร์รี แบรดชอว์ ซึ่งเจ้าประโยคนี้แหละที่อาจสามารถอธิบายตัวตนและชีวิตรักของเธอได้อย่างตรงไปตรงมา และมันก็ไม่แปลกหรอกที่คนรักชีวิตตัวเองขนาดเธอจะหลีกหนีจากกรอบอันน่าเบื่อของสังคมและยืนหยัดใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่ รวมทั้งไม่ยอมให้ใครหรือสังคมมาตัดสินตัวเธอ ลองนึกดูว่าเธอพูดประโยคนี้มาเกือบ 20 ปีแล้ว ทำไมคุณยังต้องกลัวการขึ้นคาน การไม่มีแฟน หรือการไม่มีความสัมพันธ์อีกล่ะ เพราะการที่คุณจะโสดหรือไม่โสดมันไม่ใช่เรื่องของใคร หรือเป็นสิ่งที่คนอื่นๆ ต้องมาสนใจ มันเป็นเรื่องของตัวคุณเองล้วนๆ ต่างหากล่ะ
อะไรคือความสุขของคนโสด
มีงานศึกษาหนึ่งที่น่าสนใจ ชื่อเรื่องว่า Happy Singlehood: The Rising Acceptance and Celebration of Solo Living โดยศาสตราจารย์เอลยาคิม คิสเลฟ (Elyakim Kislev) จากมหาวิทยาลัยฮีบรู ในกรุงเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล ได้ทำแบบสำรวจเก็บข้อมูลคนโสดกว่า 3 แสนคน จาก 32 ประเทศในทวีปยุโรป โดยใช้เวลากว่า 14 ปีในการเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2002-2016 ด้วยการตั้งคำถามที่ว่า “ถ้าเอาทุกๆ เรื่องในชีวิตมารวมกันในตอนนี้ คุณคิดว่าตัวเองมีความสุขมากแค่ไหน” คุณลองคิดคำตอบดูด้วยก็ได้นะ…
ผลสรุปของการศึกษาเรื่องดังกล่าวจากผู้คน 3 แสนคน เราพบว่ามันค่อนข้างน่าสนใจว่าสิ่งที่ ‘คนโสด’ พูดถึงความสุขของตัวเองกันอย่างหลากหลายสะท้อนภาพว่าความสัมพันธ์ในเชิงความรักไม่ใช่เรื่องจำเป็นขนาดนั้น และคำตอบหลักๆ ของพวกเขาสามารถสร้างแนวคิดของการมีชีวิตโสดที่ดีที่สุด หรือ Best Single Life ได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น
- การได้ใช้เวลากับเพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน หรือครอบครัว
- ความรู้สึกที่ดี มีมุมมองบวกกับตัวเอง
- มองโลกในแง่บวก
- มีความรู้สึกที่ดีในงานที่ทำอยู่
- มีเวลาให้กับตัวเอง
- ใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นในชีวิตแบบโสดๆ
- ทำกิจกรรมทุกอย่างได้โดยไม่ต้องรอใคร หรือขึ้นอยู่กับใครคนอื่น
และข้อสุดท้ายที่เราชอบมากเป็นพิเศษคือคำตอบที่บอกว่า ให้คุณค่ากับอิสระของชีวิต ความสนุก ความคิดสร้างสรรค์ และออกไปค้นหาสิ่งใหม่ๆ ทำ และเมื่ออ่านจบเราถึงกับต้องมานั่งถามตัวเองในใจเลยว่า เออ หรือว่าจริงๆ แล้วความสุขมันก็เป็นเรื่องง่ายๆ แค่นี้เอง เพราะถ้าหากความสุขของชีวิตคนโสดคือการได้ออกไปค้นหาอะไรใหม่ๆ มันก็ดูเมกเซนส์นะ ทั้งการได้หลีกหนีความจำเจและการไม่ต้องลงไปโฟกัสกับเรื่องความรักความสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว ซึ่งสิ่งที่จะทำให้คนโสดมีความสุขได้ก็คือตัวของพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาอยากที่จะทำก็เท่านั้นเอง ตอบโจทย์ของการมีชีวิตแบบ Best Single Life ได้อย่างดี
จงกล้าที่จะลองอะไรใหม่ๆ
แต่ถ้าคุณรู้สึกว่ายังไม่กล้าที่จะเดินออกไปทักทายคนใหม่ๆ แบบ Traditional Way ที่ต้องเดินถือแก้วสวยๆ สบตา เดินเข้าไปชนแก้ว หรือทำกิจกรรมบางอย่างร่วมกัน เราอยากแนะนำให้คุณลองใช้แอปพลิเคชันประเภท Social Discovery เป็นตัวช่วยก็น่าสนใจนะ เพราะแอปพลิเคชันเหล่านั้นไม่ได้โฟกัสในเรื่องความรักเพียงอย่างเดียว เพราะคุณยังสามารถ #FINDYOURMATCH ค้นหาคนที่มีความสนใจที่คล้ายคลึงกับคุณเพื่อให้คุณได้เลือกแมตช์กับพวกเขา ทั้งการวิ่ง เล่นกีฬา เล่นดนตรี ดูงานศิลปะ หรือชอบค้นหาอะไรสนุกๆ กิน ซึ่งคุณสามารถกำหนดความชอบด้วยนิ้วมือคุณเอง อยากจะ Swipe Left หรือ Swipe Right ก็ได้ตามใจ เพื่อค้นหาเพื่อนใหม่ที่เข้ากันได้ตลอดเวลา
จงจำไว้ว่าต่อให้เป็นโสด คุณก็ต้องเป็นสุขด้วย เพราะความคาดหวังของสังคมคงทำอะไรคุณไม่ได้อีกแล้วในพุทธศักราชนี้ หากคุณแข็งแกร่งพอที่จะลุกขึ้นมามีชีวิตเป็นของตัวเอง เราจงใช้มันอย่างคุ้มค่าที่สุด ฉะนั้นเราจึงขอทบทวนประโยคเรียบง่ายจาก ซาแมนตา โจนส์ อีกรอบที่ว่า “I’ll be not judged by you or society” เพราะชีวิตโสดนี้มันเป็นของคุณ อยู่ที่คุณจะเลือกดีไซน์มันเอง ไม่ต้องให้ใครมาตัดสินตัวคุณหรอก
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
- medium.com/@samdilling/on-becoming-samantha-jones-d199aa3a69fe
- www.meetmindful.com/how-to-be-a-happy-single-in-a-couples-world/
- www.psychologytoday.com/us/blog/living-single/201904/what-makes-single-people-happy
- LOVE ON POP คอลัมน์ที่จะพาผู้อ่านไปสำรวจพฤติกรรม ความคิด และทัศนคติที่แอบซ่อนอยู่ในเรื่องราวความรักและความสัมพันธ์ในโลกสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นหนัง เพลง กระแสสังคม หรืออะไรก็ตามแต่ เพื่อส่งต่อ ชวนคุย ชวนถกถึงความรู้สึกใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้ในทุกวัน