วันนี้ (27 ส.ค.) นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุขลดความแออัดของโรงพยาบาล เพิ่มความสะดวกบริการประชาชน เช่น การพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ คลินิกหมอครอบครัว เปิดคลินิกพิเศษเฉพาะทางนอกเวลาราชการ (SMC)
และอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดความแออัดคือให้ผู้ป่วยนำใบสั่งยา-รับยาที่ร้านยาแผนปัจจุบัน (ข.ย.1) ที่ได้มาตรฐาน GPP ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในระยะแรกจะดำเนินการพัฒนาระบบบริการภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้ร้านขายยาร่วมเป็นเครือข่ายบริการจำนวน 500 แห่งทั่วประเทศ โดยจะจ่ายยาให้กับผู้ป่วยแบบไม่ต้องรอรับยาที่โรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยใช้เวลาอยู่ที่โรงพยาบาลน้อยลง ลดภาระการเดินทาง และความแออัดของโรงพยาบาล รวมถึงจะได้รับคำแนะนำการใช้ยาอย่างตามใบสั่งแพทย์จากเภสัชกร
โดยจะเริ่มในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปที่มีความพร้อมในวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ซึ่งช่วงแรกจะเน้นในผู้ป่วย 4 โรคคือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคทางจิตเวช และหอบหืด เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ยาและลดการครอบครองยาเกินความจำเป็น
สำหรับเงื่อนไขการรับยาต้องเป็นไปตามความสมัครใจของผู้ป่วยที่จะรับยาที่ร้านยาใกล้บ้านหรือใกล้ที่ทำงาน ซึ่งเป็นร้านยาคุณภาพหรือร้านยาที่ผ่านมาตรฐาน GPP และมีเภสัชกรปฏิบัติงานตลอดไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง โดยจะได้รับยาชนิดเดียวกับที่ได้รับจากโรงพยาบาลเดิมที่รับยาอยู่ และผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าบริการใดๆ เพิ่มขึ้น โรงพยาบาลและร้านขายยาที่เป็นเครือข่ายสามารถดำเนินการได้ 3 รูปแบบคือ โรงพยาบาลจัดยารายบุคคลส่งให้ร้านขายยา โรงพยาบาลจัดสำรองยาไว้ที่ร้านยา หรือร้านยาดำเนินการจัดการด้านยาเอง ซึ่งจะต้องมีการศึกษาร่วมกันต่อไป
“การพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ มีหมอครอบครัวประจำบ้าน การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพให้ประชาชนเลือกสถานบริการที่เหมาะสมกับลักษณะการเจ็บป่วย รวมทั้งการเชื่อมโยงร้านขายยาใกล้บ้าน จะช่วยเพิ่มความสะดวกและเป็นทางเลือกให้กับประชาชนมากขึ้น” นายแพทย์สุขุมกล่าวทิ้งท้าย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: