ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2565 ทางการฮ่องกงได้ประกาศยกเลิกมาตรการควบคุมโควิดที่ยังเหลืออยู่ ‘แทบทั้งหมด’ รวมถึงการตรวจคัดกรองนักเดินทางขาเข้าจากต่างประเทศ และเปิดพรมแดนกับจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากบังคับใช้มาตรการคุมการระบาดเข้มงวด และปิดพรมแดนมานานกว่า 3 ปี
โดยเมื่อวัน 22 กุมภาพันธ์ 2566 รัฐบาลฮ่องกงเพิ่งได้ประกาศตั้งเป้าพลิกฟื้นเศรษฐกิจปี 2566 ให้กลับมาขยายตัว 3.5-5.5% หลังจากหดตัว 3.5% ในปี 2022 สะท้อนว่ารัฐบาลฮ่องกงเตรียมผลักดันการค้าและการลงทุนอย่างเต็มที่อีกครั้ง
และล่าสุด องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของฮ่องกง ที่มีหน้าที่เป็นสื่อกลางทางด้านธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทย ฮ่องกง และจีนแผ่นดินใหญ่ เพิ่งจัดงานสัมมนา ‘Hong Kong is Back in Business’ Briefing cum Networking Luncheon ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยประกาศว่าฮ่องกงพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยขยายธุรกิจไปทั่วโลก และคว้าโอกาสใหม่ในตลาดต่างประเทศ
“ด้วยรากฐาน พื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและแข็งแกร่ง ระบบกฎหมาย ระบบภาษีโครงสร้างพื้นฐานขั้นสูง และการเชื่อมต่อที่มีเสถียรภาพ ทำให้ฮ่องกงเป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมในการสนับสนุนต่อยอดบริษัทของไทยที่ต้องการเติบโต และหาโอกาสในการลงทุนทั่วโลก” โรนัลด์ โฮ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ขององค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) กล่าว
ทำไมต้องลงทุนในฮ่องกง?
ฮ่องกงถือเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่มีระบบภาษีต่ำและเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจมากที่สุดอันดับหนึ่งของโลก เนื่องจากไม่มีทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือภาษีสินค้าและบริการ (GST) โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดย่อม (SMEs) และบริษัทสตาร์ทอัพ (Start-up) เห็นได้จากการคิดอัตราภาษีนิติบุคคล (Corporate Tax) สำหรับบริษัทเหล่านี้เพียง 8.25% สำหรับผลกำไร 2 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงแรก ส่วนกำไรที่เกินจากจำนวนดังกล่าวจะต้องเสียภาษีในอัตราปกติที่ 16.5%
นอกจากนี้ บรรยากาศการทำธุรกิจและลงทุนในฮ่องกงยังเป็นมิตรกับนักลงทุนทั่วโลกอย่างมาก เนื่องด้วยระบบตลาดเสรี กฎหมายแบบ Common Law ที่ผู้ประกอบการหลายประเทศคุ้นชิน และอัตราการคอร์รัปชันที่ต่ำมาก
ตลาดฮ่องกงใหญ่แค่ไหน?
ข้อมูลจากการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด ฉบับปี 2565 (UNCTAD World Investment Report 2022) รายงานว่า ในปี 2564 มีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ที่ไหลเข้าฮ่องกงมีมูลค่า 140,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา (367,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และจีนแผ่นดินใหญ่ (181,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่ โรนัลด์ โฮ ยังคาดการณ์ว่า การบริโภคในฮ่องกงจะดีขึ้นอีก หากตลาดกลับสู่ภาวะปกติ และนักท่องเที่ยวกลับมาเรื่อยๆ เนื่องจากผู้คนจะกลับมาเริ่มใช้จ่ายอีกครั้ง เพื่อเติมเต็มความปรารถนา และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
เชอร์ลีย์ อึ้ง ผู้อำนวยการองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) ประจำประเทศไทยและเอเชียใต้ ยังกล่าวเสริมว่า สำหรับบริษัทไทยที่ตั้งเป้าบุกตลาดจีน ฮ่องกงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ เนื่องจากฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เขตเศรษฐกิจพิเศษอ่าวกวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า (Greater Bay Area:GBA) นอกจากนี้ จีนยังเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ตะวันออกจรดตะวันตก อาจมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดเป้าหมายไปยังตลาดขนาดใหญ่ดังกล่าว
“ถ้าคุณทำธุรกิจที่ฮ่องกง คุณจะไม่ได้แค่ตลาดฮ่องกงจากประชากร 7 ล้านคน เนื่องจากฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ GBA ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ ที่มีกำลังการบริโภคมหาศาล และเป็นภูมิภาคที่มีประชากร 86 ล้านคน” เชอร์ลีย์ อึ้งกล่าว
สะพานเชื่อมตะวันตกและตะวันออก
เชอร์ลีย์ อึ้ง กล่าวอีกว่า ฮ่องกงเป็นสะพานเชื่อมระหว่างตะวันออกและตะวันตกอย่างแท้จริง เห็นได้จากบริษัทจากจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ตั้งเป้าขยายธุรกิจไปต่างประเทศหลายแห่งจะเลือกตั้งฐานในฮ่องกง จากนโยบายหนึ่งประเทศสองระบบ (One Country, Two System)
ภายใต้นโยบายดังกล่าว ทำให้เงินดอลลาร์ฮ่องกงสามารถแลกเปลี่ยนได้อย่างเสรี ไม่มีมาตรการควบคุมสกุลเงิน และทำให้ในปี 2564 ฮ่องกงเป็นจุดหมายปลายของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ใหญ่รองจากสหรัฐอเมริกาและจีนแผ่นดินใหญ่
‘การเงินและเทคโนโลยี’ อุตสาหกรรมมาแรง
โรนัลด์ โฮ กล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมที่น่าจะมาแรง และเป็นอนาคตสำหรับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจในฮ่องกงคือ ภาคการเงินและเทคโนโลยี เนื่องจากภาคการเงิน (Financial Industry) ยังคงเป็นจุดแข็ง และเป็นอุตสาหกรรมที่ยืดหยุ่นและทนทาน (Resilient) แม้ทางการฮ่องกงปิดประเทศ
“แพลตฟอร์มทางการเงินของฮ่องกงก้าวหน้าและเป็นสากลมาก ยามเกิดโรคระบาด ภาคส่วนนี้ยังคงทำงานได้อย่างอัตโนมัติ และยังคงเชื่อมโยงกับศูนย์กลางทางการเงินอื่นๆ ของโลกอย่าง นิวยอร์ก และลอนดอนได้ โดยยามที่โรคระบาดเพิ่งเริ่มต้น อุตสาหกรรมการเงินคือกลุ่มแรกๆ ที่แสดงให้เห็นว่าสามารถดำเนินงานจากบ้านได้ วิกฤตใดๆ จึงไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากฮ่องกงมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี” โรนัลด์ โฮกล่าว
นอกเหนือจากภาคการเงินแล้ว โฮยังมองว่ารัฐบาลฮ่องกงและองค์กรอีกมากมายกำลังลงทุนในภาค ‘เทคโนโลยี’ อย่างมาก พร้อมทั้งชี้ว่าฮ่องกงมีความคิดริเริ่ม (Initiatives) ใหม่มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจีน บริเวณพรมแดนเซินเจิ้น (Shenzhen) ซึ่งอยู่ติดกัน
เชอร์ลีย์ อึ้ง (ซ้าย) โรนัลด์ โฮ (ขวา)
สนใจทำธุรกิจในฮ่องกงเริ่มอย่างไรดี?
สำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการดำเนินธุรกิจและลงทุนในฮ่องกง สามารถเข้ารับคำแนะนำจากองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) ซึ่งมีสำนักงานในประเทศไทยได้
นอกจากนี้ HKTDC ยังมีบริการแบบองค์รวม เช่น เป็นผู้ประสานงานเกี่ยวกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคาร หน่วยงานของรัฐ สำนักงานกฎหมาย ทนายความ ไปจนถึงสำนักงานบัญชีในฮ่องกง
“นอกจากนี้ หากภายหลังผู้ประกอบการไทยเติบโตขึ้นและต้องการเงินทุน HKTDC ยังสามารถแนะนำทีมบริการทางการเงินได้ หากชาวไทยจดทะเบียนในฮ่องกง เราจะถือว่าเป็นบริษัทในฮ่องกง ดังนั้นหากในภายหลังพวกเขาต้องการไปยังส่วนอื่นๆ ของโลก เช่น ตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เราก็สามารถให้การสนับสนุนต่อได้เช่นกัน”
เพื่อช่วยให้บริษัทไทยคว้าโอกาสได้มากขึ้น HKTDC ได้จัดแคมเปญส่งเสริมการขายในประเทศไทยอย่างครบวงจรในปีนี้ เริ่มจากการเดินทางเยือนกรุงเทพฯ ของคณะผู้แทนผู้นําธุรกิจฮ่องกงนําโดย นาย เจิง ควอก ควน รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เขตบริหารพิเศษฮ่องกง (HKSAR) ในวันที่ 16 มีนาคม เพื่อเข้าร่วมงานสัมมนา Resolve2Win ซึ่งเป็นการให้ความรู้ทางด้านการระงับข้อพิพาททางเลือก (Alternative dispute resolution – ADR)
“อีกหนึ่งไฮไลต์ที่สําคัญของปีนี้คือ งานใหญ่ Think Business Think Hong Kong ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 กรกฎาคม ที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่เป็นเอกลักษณ์ของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการเชื่อมโยงธุรกิจระดับโลก กับโอกาสที่เกิดขึ้นจากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และเขตเศรษฐกิจอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GBA)” เชอร์ลีย์ อึ้งกล่าว
โดยงาน Think Business Think Hong Kong จะรวบรวมงานแสดงสินค้านวัตกรรมคุณภาพจากฮ่องกง การประชุมสัมมนา งานเลี้ยงต้อนรับ เพื่อทำความรู้จัก เปิดโอกาสทางธุรกิจ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้นําทางธุรกิจ ทั้งจากประเทศไทยและฮ่องกง
นอกจากนี้ รัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเพิ่งเปิดตัวแคมเปญ ‘Hello Hong Kong’ เพื่อแสดงและส่งเสริมโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจที่สดใสของเมือง การท่องเที่ยวแบบใหม่ ตลอดจน MICE และประสบการณ์จากงานอีเวนต์ใหญ่ ส่วนหนึ่งของการสนับสนุนแคมเปญ ‘Hello Hong Kong’ จาก HKTDC ผู้ซื้อที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อไปงานแสดงสินค้า HKTDC ในเดือนเมษายน 2566 จะได้รับตั๋วเครื่องบินไปกลับชั้นประหยัดฟรี* จากกรุงเทพฯ ไปฮ่องกง อย่าพลาดโอกาสในการไปสัมผัสกับความมีชีวิตชีวาของฮ่องกง! สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ 0 2343 9000
- 12-15 เมษายน 2566: Hong Kong Electronics Fair (Spring Edition), InnoEX, Hong Kong International Lighting Fair (Spring Edition)
- 19-22 เมษายน 2566: Hong Kong Gifts & Premium Fair, Home InStyle, Hong Kong International Home Textiles and Furnishings Fair, Fashion InStyle, Hong Kong International Printing & Packaging Fair และ Hong Kong International Licensing Show
*บัตรโดยสารได้รับการสนับสนุนโดยแคมเปญ ‘World of Winners’ ของสนามบินนานาชาติฮ่องกง บัตรโดยสารมีจำนวนจำกัด มาก่อนมีสิทธิ์ก่อน จนกว่าสิทธิ์จะเต็ม เงื่อนไขเป็นไปตามข้อกำหนด
- ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป ทางฮ่องกงได้ยกเลิกมาตรการ การสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะอย่างเป็นทางการ