คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าซิตี้คาร์อาจมีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างน้อย รูปโฉมไม่ค่อยโฉบเฉี่ยว ดูแล้วไม่ค่อยสปอร์ต ขับแล้วไม่น่าจะเท่หรือคูล หรือไม่ก็มองว่าเป็นรถเครื่องเล็กที่ให้กำลังในการขับขี่ไม่มากนัก ขับแล้วไม่น่าจะเร้าใจถูกจริตคนรุ่นใหม่สักเท่าไร แต่นั่นก็เป็นความเชื่อที่ผิดขึ้นมาในทันทีที่แบรนด์ยนตรกรรมชั้นนำที่ทุกคนรู้จักและให้ความไว้วางใจกันดีอย่าง Honda ส่ง The City Turbo ออกสู่ตลาด เพราะรถรุ่นนี้สามารถสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับซิตี้คาร์ ซึ่งจะทำให้ไลฟ์สไตล์ของการใช้รถยนต์ในเมืองที่เป็นอยู่นั้นดีกว่าที่เคยเป็นมา ว่าแต่ The City Turbo นั้นดีอย่างไร THE STANDARD จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับความคูลของซิตี้คาร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดทุกความเป็นไปได้ใหม่ๆ รุ่นนี้กัน
Reimagine Your New Possibilities
เปิดทุกความเป็นไปได้
นวัตกรรมยานยนต์ใหม่ล่าสุด The City Turbo จะเปลี่ยนทุกภาพจำเดิมๆ ที่คุณเคยคิดเกี่ยวกับซิตี้คาร์ ทั้งขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ไม่มีมากนักก็กลับกว้างขวางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แถมรูปลักษณ์ก็แสนสง่างามเร้าใจกว่าที่เคยรู้จัก ยกระดับสุนทรียภาพกว่าที่เคยสัมผัส เปลี่ยนทุกสมดุลแห่งพลังที่เคยจำกัดชีวิตคุณเอาไว้ เรียกได้ว่าเปลี่ยนทุกความคาดหวังที่ทุกคนเคยมีต่อมาตรฐานซิตี้คาร์เลยทีเดียว ทั้งนี้ความโดดเด่นรอบด้านของ The City Turbo ที่ทำให้เราต้องทึ่งนั้นได้แก่
Reimagine Elegence
ยกระดับรูปลักษณ์ความสวยงาม
ภายนอกให้ความสปอร์ตและความหรูหราสง่างาม เสริมเอกลักษณ์ความสปอร์ตด้วยไฟหน้าและไฟท้าย พร้อมกระจังหน้าและมือจับประตูแบบโครเมียม เปลี่ยนนิยามสปอร์ตคาร์ให้หรูหราเร้าใจมากกว่าที่คุณเคยคาดคิด
และรุ่นพิเศษ RS ที่มาพร้อมชุดแต่งสปอร์ต RS รอบคัน ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED ไฟท้าย LED ดีไซน์สปอร์ต ไฟตัดหมอกแบบ LED กระจังหน้าและสปอยเลอร์หลังแบบ Gross Black กระจกมองข้างแบบสปอร์ตสีดำพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว และมาพร้อมสีแดงใหม่ Ignite Red อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรุ่นพิเศษ RS
Reimagine Comfort
ยกระดับความสะดวกสบาย
ห้องโดยสารพื้นที่กว้างขวางเกินหน้าเกินตามาตรฐานซิตี้คาร์ที่ทุกคนเคยรู้จัก ด้วย Leg Room Space ที่สามารถช่วยขยายความกว้างและมิติของห้องโดยสารด้วยการออกแบบพื้นที่ภายใน เพื่อให้สอดคล้องกับสรีระและท่านั่งที่สบาย ทั้งดีไซน์และพื้นที่กว้างขวางเช่นนี้ ช่วยลบภาพจำเก่าๆ ที่บอกว่าซิตี้คาร์มีพื้นที่ใช้สอยน้อยและคับแคบอึดอัดไปได้อย่างสิ้นเชิง
ในส่วนของดีไซน์ภายใน สำหรับรุ่นพิเศษ RS ภายในเป็นเบาะหนังกลับเดินด้วยด้ายแดง พร้อมคอนโซลหน้าแบบ Piano Black เพิ่มความสปอร์ตเต็มขั้น สำหรับรุ่น SV นั้นก็ไม่แพ้กัน มาพร้อมการตกแต่งภายในแบบ Piano Black เช่นกันในสไตล์ทูโทนอย่างสีไอวอรี-ดำ พร้อมวัสดุหุ้มเบาะหนังแท้
Reimagine Performance
สมรรถนะเหนือความคาดหมาย
ยกระดับสมรรถนะความแรงที่มีใน The City Turbo ทุกรุ่นด้วย VTEC TURBO เครื่องยนต์ใหม่ 1.0 ลิตร มาพร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ปลดปล่อยพลัง 122 แรงม้า ตอบสนองอัตราเร่งได้ดังใจด้วยแรงบิด 173 นิวตัน-เมตร จึงมอบสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร แต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร The City Turbo นั้นให้ทั้งความแรงและอัตราการประหยัดน้ำมันดีถึง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร ทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 ในห้องปฏิบัติการ (อัตราการประหยัดน้ำมันขึ้นอยู่กับสภาพถนนและพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล)
จะเห็นได้ว่าแม้เครื่องยนต์จะแรงขึ้น แต่ก็ไว้วางใจในเรื่องความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เพราะเมื่อเครื่องยนต์ที่มีแรงบิด กำลังแรง และอัตราเร่งที่ดีนั้นย่อมทำให้ไม่ต้องรอรอบ จึงยิ่งสามารถเสริมความปลอดภัยในขณะขับขี่ได้ด้วย มอบความมั่นใจในการขับขี่อย่างปลอดภัยไร้กังวลในขณะเร่งแซง
ทั้งนี้ The City Turbo ยังมาพร้อมอีกขั้นของการขับเคลื่อนอย่างปลอดภัยกับ ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้อัตราประหยัดน้ำมันดีขึ้น พร้อมอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม ตอบสนองทุกความเร้าใจ
Reimagine Safety Driving
พุ่งทะยานไปพร้อมความปลอดภัยทุกจังหวะการขับขี่
The City Turbo นั้นมาพร้อมกับมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครันขึ้นด้วย เช่น ระบบเบรกป้องกันการล็อก (ABS) ช่วยให้สามารถควบคุมบังคับพวงมาลัยยามต้องเบรกกะทันหัน พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกให้สมดุลมากขึ้น Vehicle Stability Assist (VSA) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง เพิ่มการยึดติดถนน มั่นคงทุกการเคลื่อนไหว
ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างแบบอัจฉริยะ i-Side Airbags และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbag (เฉพาะรุ่น RS) และ Hill Start Assist (HSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Emergency Stop Signal (ESS) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน และที่สำคัญที่จะช่วยปกป้องคุณให้อุ่นใจขึ้นหากเกิดเหตุไม่คาดฝันก็คือโครงสร้างตัวถังนิรภัยอันแข็งแกร่ง G-Force Control หรือ G-Con ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีเยี่ยมให้สามารถปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง ด้วยเทคโนโลยีและระบบเซฟตี้ที่จัดเต็มเช่นนี้ จึงทำให้อุ่นใจได้ว่าแม้จะเป็นการขับขี่เครื่องยนต์ที่มีกำลังแรงบิดที่ดีก็ยังปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น
Reimagine Connected Life
ยกระดับการเชื่อมต่อที่ล้ำสมัย
นอกจากระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วแบบ Advanced Touch ที่รองรับ Apple CarPlay พร้อม Google Maps ที่จะนำคุณสู่ทุกจุดหมายปลายทาง และ Hands-free Telephone หน้าจอแสดงผลโทรศัพท์แบบไร้สายที่มีมาให้ในรุ่น SV และ RS แล้ว
The City Turbo ยังล้ำสมัยด้วย Honda CONNECT เทคโนโลยีการเชื่อมต่อรถยนต์และทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนให้สามารถสั่งงานต่างๆ ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ทั้งยังพรั่งพร้อมไปด้วยหลากหลายฟังก์ชันการทำงานที่จะช่วยให้ชีวิตคุณสะดวกขึ้นอย่างมากมาย
ระบบดังกล่าวนี้รองรับได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android โดย 8 ฟังก์ชันหลักของ Honda CONNECT ได้แก่ My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ พร้อมทั้งช่วยแจ้งเตือนกำหนดเข้ารับการบริการครั้งต่อไป และนัดหมายล่วงหน้า, Driving Behavior พฤติกรรมการขับขี่และบันทึกการเดินทาง, WiFi เชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์, Airbag Deployment ประสานงานให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นในกรณีที่ถุงลมทำงาน, Security Alarm ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นกับรถยนต์, Remote Vehicle Control การสั่งการทำงานของรถยนต์ ล็อกและปลดล็อก สตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดสัญญาณไฟ, GEO Fence & Speed Alert กำหนดขอบเขตการขับขี่และการแจ้งเตือนความเร็ว, Find My Car ระบบแสดงพิกัดรถยนต์บนแอปพลิเคชัน ซึ่งระบบเชื่อมต่อที่แสนจะล้ำสมัยเช่นนี้ย่อมถูกใจทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างแน่นอน (*Honda CONNECT มีในรุ่น RS โดยรุ่นอื่นสามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้)
นอกจากความโดดเด่นทั้งหมดดังที่ได้กล่าวมาแล้ว The City Turbo ยังมี Grade Level ให้เลือกอีกหลากหลายถึง 4 รุ่นด้วยกัน ทั้ง SV, V, S อีกทั้งยังมีรุ่นพิเศษอย่างรุ่น RS ที่มีอุปกรณ์เยอะกว่า ซึ่งสามารถยกระดับซิตี้คาร์ให้เหนือระดับขึ้นไปอีก นับได้ว่า The City Turbo คือนวัตกรรมรถยนต์รุ่นล่าสุดที่จะเข้ามาเปลี่ยนมาตรฐานใหม่ของซิตี้คาร์ โดยสามารถตอบสนองทั้งรสนิยมและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในปี 2020 ได้อย่างแท้จริง และสำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ทาง bit.ly/37f27ar
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
Honda The City Turbo มีสีตัวถังให้เลือก 6 สี ได้แก่
- สีดำคริสตัล (มุก)
- สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)
- สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก)
- สีขาวทาฟเฟต้า เฉพาะรุ่น V และรุ่น S
- สีขาวแพลทินัม (มุก) เฉพาะรุ่น RS และรุ่น SV
- สีใหม่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS