หลังจากเป็นข่าวลือมาสักพักในที่สุดสองยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นอย่าง Honda Motor และ Nissan Motor ก็ได้ออกมายอมรับถึงการยุติเจรจาควบรวมกิจการอย่างเป็นทางการ หลังหารือกันอย่างหนักแต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในเงื่อนไขสำคัญได้ ทำเอาความหวังที่จะเห็นบริษัทรถยนต์เบอร์ 4 ของโลกภายใต้แบรนด์ใหม่ต้องพังทลายลงอย่างน่าเสียดาย
แถลงการณ์ร่วมจาก Honda และ Nissan ระบุถึงการตัดสินใจยุติการพูดคุยครั้งนี้ว่าเป็นไปเพื่อ ‘จัดลำดับความสำคัญในการตัดสินใจและดำเนินมาตรการจัดการอย่างรวดเร็ว’ ท่ามกลางสภาพตลาดที่ผันผวนและไม่แน่นอนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่อุตสาหกรรมกำลังก้าวเข้าสู่ ‘ยุครถยนต์ไฟฟ้า’ อย่างเต็มตัว
แหล่งข่าววงในเผยว่า ประเด็นสำคัญที่ทำให้ดีลยักษ์สะดุดคือ ข้อเสนอของ Honda ที่ต้องการปรับโครงสร้างการควบรวมกิจการ จากเดิมที่วางแผนจะจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งร่วมกัน กลายเป็นโครงสร้างใหม่ที่ Honda จะขึ้นเป็นบริษัทแม่ และ Nissan เป็นบริษัทลูก ผ่านการแลกเปลี่ยนหุ้น ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับ Nissan ที่ต้องการให้การควบรวมเป็นไปในรูปแบบ ‘หุ้นส่วนที่เท่าเทียม’ กันมากกว่า
ถึงแม้ดีลควบรวมกิจการจะต้องพับไป แต่ทั้งสองบริษัทยังยืนยันที่จะสานต่อความร่วมมือในกรอบความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ เพื่อปรับตัวให้ทันต่อ ‘ยุคยานยนต์อัจฉริยะและรถยนต์ไฟฟ้า’ ที่กำลังมาถึง
นอกจากนี้ Mitsubishi Motors ซึ่ง Nissan เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็ได้ประกาศยกเลิกข้อตกลงความร่วมมือสามฝ่ายกับ Nissan และ Honda ที่เคยลงนามไว้เมื่อเดือนธันวาคมเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทั้งสองค่ายรถยนต์เคยประกาศแผนการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งร่วมกันภายในเดือนสิงหาคม 2026 พร้อมลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อเริ่มกระบวนการเจรจาควบรวมกิจการ โดยมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงอย่างเป็นทางการภายในเดือนมิถุนายน
ทว่าการเจรจาต้องชะงักงันในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจาก Honda แสดงท่าทีชัดเจนว่า การควบรวมกิจการจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ Nissan สามารถฟื้นฟูผลประกอบการและมีแผนพลิกฟื้นธุรกิจที่น่าพอใจภายในสิ้นเดือนมกราคม แต่เมื่อผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ Honda จึงยื่นข้อเสนอดังกล่าวเพื่อ ‘เร่งมาตรการฟื้นฟู’ Nissan ให้เร็วขึ้น
หากการควบรวมกิจการสำเร็จลุล่วงจะทำให้เกิดกลุ่มบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่ารวมกันประมาณ 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก รองจาก Toyota, Volkswagen และ Hyundai
อย่างไรก็ตาม เมื่อข่าวดีลล่มเผยแพร่ออกมา หุ้นของ Nissan และ Honda ต่างร่วงระนาว โดยราคาหุ้นของ Nissan ที่เคยพุ่งสูงขึ้นกว่า 60% และ Honda ที่เพิ่มขึ้นราว 26% เมื่อข่าวการเจรจาควบรวมกิจการถูกเปิดเผยครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม กลับลดลงมาเหลือเพียง 21% และ 11% ตามลำดับ
ปัจจุบัน Nissan กำลังเดินหน้าแผนปรับโครงสร้างองค์กรที่ประกาศไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ซึ่งรวมถึงการลดจำนวนพนักงานลง 9,000 ตำแหน่ง และลดกำลังการผลิตทั่วโลกลง 20% โดยยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าจะส่งผลกระทบต่อโรงงานผลิตในภูมิภาคใดบ้าง
แต่แหล่งข่าวคาดการณ์ว่า Nissan อาจจำเป็นต้อง ‘ลดกำลังการผลิตในจีน’ เพิ่มเติม เนื่องจากปัจจุบัน Nissan มีโรงงานผลิตในจีนถึง 8 แห่งภายใต้กิจการร่วมทุนกับ Dongfeng Motor และได้ระงับการผลิตที่โรงงาน Changzhou ไปแล้วส่วนหนึ่ง เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน
สถานการณ์ของ Nissan ในปัจจุบันค่อนข้างน่าเป็นห่วง โดยบริษัทได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าค่ายอื่นๆ และยังไม่สามารถฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นจากการจับกุม Carlos Ghosn อดีตประธานบริษัทเมื่อปี 2018 ได้อย่างเต็มที่
อ้างอิง: