พล.อ. พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ. ทหารสูงสุด กล่าวก่อนการประชุมคณะผู้บัญชาการทางทหารและผู้บัญชาการเหล่าทัพ ถึงเรื่องสวัสดิการเชิงพาณิชย์ของกองทัพ ว่าเรื่องสวัสดิการมีการคุยกันมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เพิ่งมาคุยในวันนี้ ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะกิจกรรม กิจการ และสวัสดิการทั้งหมดเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547 ซึ่งเราไม่ได้ปฏิบัตินอกกรอบหรือไม่มีหลักเกณฑ์ แต่อาจเป็นที่สนใจว่ามีกิจการบางสวัสดิการ ที่อาจก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกเหล่าทัพ ได้นำเงินค่าเช่าที่ได้จากเอกชน นำส่งรายได้ให้แผ่นดินเป็นปกติอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ก็จะมีกิจการสวัสดิการเล็กๆ น้อยๆ ในหน่วย เช่น ร้านค้าในหน่วย ร้านตัดผม หรือร้านขายสิ่งอุปโภคบริโภคในราคาถูก ซึ่งผู้ใช้บริการคือกำลังพล ก็อยู่ในข่ายการจัดสวัสดิการ แต่กิจการใดที่อาจมีเอกชน มีบุคคลจากภายนอกเข้ามาใช้ประโยชน์ในสัดส่วนที่สูง เข้าข่ายสวัสดิการเชิงธุรกิจ ซึ่งเราก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลังและกรมธนารักษ์
ซึ่งที่ผ่านมาเหล่าทัพก็มีการติดต่อตรงกับกรมธนารักษ์เมื่อมีการเริ่มกิจการใดขึ้นมา ที่ก่อให้เกิดรายได้เพื่อนำส่งรายได้ และกรมธนารักษ์ก็จะกำหนดหลักเกณฑ์ว่าจะต้องส่งเท่าไร เช่น กรณีของกองทัพบก ที่ทำเอ็มโอยูเป็นส่วนรวม เพราะว่ากองทัพบกมีกิจการและสวัสดิการจำนวนมาก เหล่าทัพอาจไม่ต้องทำเอ็มโอยูเพราะติดต่อกับกระทรวงการคลังมาอยู่เดิมแล้ว อาจเป็นการทบทวนว่ามีรายการใดตกหล่น
เมื่อถามถึงกรณีการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาของนายทหาร เพราะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เกิดเหตุที่จังหวัดนครราชสีมา พล.อ. พรพิพัฒน์ กล่าวว่า การดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้เกิดความเป็นธรรม มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และปกครองโดยไม่เอารัดเอาเปรียบ เป็นสิ่งที่เราเน้นย้ำตลอดเวลา และผู้บังคับบัญชาทุกคนก็ให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าว เวลาประชุมผู้บังคับหน่วยรอง ประชุมหัวหน้าหน่วยขึ้นตรง สิ่งที่เราเน้นย้ำอยู่เสมอ คือการปกครองบังคับบัญชา ต้องดูแลให้เขามีความสุขในขณะดำรงชีวิต หากพบสิ่งใดก็ตามที่เขาประสบความไม่สะดวก ไม่สบายใจ และความแร้นแค้น หน้าที่ของผู้บังคับบัญชาก็ต้องไปแก้ไขดูแล
เมื่อถามว่ากองบัญชาการกองทัพไทยจะมีสายตรงผู้บังคับบัญชา แบบกองทัพบกหรือไม่นั้น พล.อ. พรพิพัฒน์ กล่าวว่า สายตรงของทหารก็เหมือนกับส่วนราชการอื่นๆ มีช่องทางร้องเรียนอย่างเป็นทางการอยู่แล้ว ผ่านสายการบังคับบัญชา มี Hotline ที่เป็น One Stop Service มาตั้งแต่ปี 2557 ศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทยก็ยังคงมีอยู่ มีหลายช่องทางที่สามารถเลือกใช้ได้ ซึ่งต่างเหล่าทัพก็ต่างดำเนินการ จึงมีช่องทางที่จะรับข้อร้องเรียนของผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อนำมาแก้ไข
นอกจากนี้ พล.อ. พรพิพัฒน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข้าราชการทหารที่เกษียณฯ ไปแล้วแต่ยังอยู่ในบ้านพักทหาร หลังเกิดกรณีของ พล.ท. พงศกร รอดชมภู ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ที่ยังมีบ้านพักในศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย ว่าโดยหลักการทั่วไปไม่เฉพาะทหาร บ้านพักของทุกส่วนราชการเมื่อเกษียณก็ต้องส่งคืน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ก็คือบางคนอาจไม่พร้อมและประสบความลำบาก ก็สามารถยืดหยุ่นได้ ซึ่งบ้านพักราชการไม่ใช่เฉพาะนายทหารชั้นผู้ใหญ่หรือระดับผู้บังคับบัญชาที่ไม่พร้อมจึงไม่ต้องย้ายออก แต่ทหารชั้นผู้น้อยหรือชั้นประทวน พนักงานราชการ ที่เป็นหัวหน้าครอบครัว หากประสบอุบัติเหตุหรือเสียชีวิตแล้ว ยังไม่สามารถขยับขยายได้ก็จะมีการผ่อนผันยืดหยุ่นให้เช่นกัน
เมื่อถามถึงกรณี พล.ท. พงศกร ทำไมจึงอยู่ได้นาน เพราะเกษียณฯ ปี 2559 พล.อ. พรพิพัฒน์ กล่าวว่า ในที่สุดท่านก็ไป ก็ผ่านประเด็นนี้ไป
เมื่อถามย้ำว่าต้องเกิดเรื่องก่อนจึงต้องย้ายออกใช่หรือไม่ พล.อ. พรพิพัฒน์ กล่าวว่า ขอคำถามต่อไป
เมื่อถามถึงการพิจารณาการให้ทหารชั้นผู้น้อยที่ยังลำบากอยู่สามารถอยู่ต่อเป็นรายกรณีใช่หรือไม่ พล.อ. พรพิพัฒน์ กล่าวว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าความเป็นมาตรฐานมีอยู่ เมื่อเกษียณราชการแล้วต้องออกจากบ้านพัก แต่ความยืดหยุ่นพิจารณาได้เป็นกรณีกรณีไป ทั้งผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา เราไม่อาจชี้ได้ว่าเหตุผลใดให้อยู่เหตุผลใดให้ออก ขึ้นอยู่กับผู้บัญชาการเหล่าทัพหรือเจ้ากรมที่รับผิดชอบเรื่องการให้อยู่อาศัยจะเป็นผู้พิจารณา แต่ถ้าเป็นกรณีซับซ้อนก็อาจนำเรียนผู้บังคับบัญชาเพื่อขออนุญาตเท่านั้นเอง
แต่ยืนยันว่ามาตรฐานมีอยู่ ทั้งนี้ยอมรับว่าก็มีจำนวนที่ยืดหยุ่นพอสมควร ส่วนใหญ่เป็นระดับผู้ใต้บังคับบัญชาการ มีบ้านพักอาศัยคือสวัสดิการอย่างหนึ่ง และเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา แม้จะอยู่ในราชการหรือพ้นราชการแล้ว แต่ถ้าไม่สุดวิสัยจริงๆ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ออกจริงๆ ความต้องการไม่มีมากพอจริงๆ เราก็พร้อมยืดหยุ่นให้ เพื่อให้เขาประสบความลำบากหรือได้รับความกระทบกระเทือนน้อยที่สุด เพราะประเทศไทยอยู่ได้ด้วยความเมตตา
ส่วนกรณีที่มีการจองสิทธิ์ แต่ไปปล่อยให้เช่าต่อนั้น พล.อ. พรพิพัฒน์ กล่าวว่า อันนี้คนละประเด็นกัน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์