วันนี้ (14 มกราคม) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกระแสความต้องการใช้สมุนไพร เช่น ยาตำรับห้าราก และยาตำรับประสะเปราะใหญ่ เพื่อใช้ในการช่วยรักษาหรือบรรเทาอาการจากการติดเชื้อโควิดอย่างต่อเนื่องนั้น
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสถาบันวิจัยสมุนไพร และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข ได้ศึกษาฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาของยาตำรับห้าราก และยาตำรับประสะเปราะใหญ่ ซึ่งได้รับอนุเคราะห์ตำรับจากสมาคมเวชกรรมไทย โดยนำสารสกัดยาตำรับทั้งสองในขนาดที่ไม่มีความเป็นพิษในเซลล์เพาะเลี้ยงมาบ่มกับเชื้อไวรัสในหลอดทดลอง และนำเชื้อไวรัสไปทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยง
ผลการทดสอบเบื้องต้นพบว่า ยาตำรับห้ารากที่สกัดด้วยน้ำ มีค่าการยับยั้งเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา ร้อยละ 96.23 ที่ความเข้มข้น 10 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร (มก./มล.)
ส่วนยาตำรับประสะเปราะใหญ่ที่สกัดด้วยน้ำ มีค่าการยับยั้งเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา ร้อยละ 76.56 ที่ความเข้มข้น 10 มก./มล. ยาตำรับประสะเปราะใหญ่ที่ทำการสกัดด้วยตัวทำละลายที่เป็นแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นร้อยละ 50 มีค่าการยับยั้งเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา ร้อยละ 88.70 ที่ความเข้มข้น 2.5 มก./มล.
นพ.ศุภกิจกล่าวต่ออีกว่า ตำรับยาห้าราก ตำรับยาประสะเปราะใหญ่ จัดอยู่ในกลุ่มยาแก้ไข้ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศใช้ในบัญชียาจากสมุนไพรที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิมในบัญชียาหลักแห่งชาติ
ปัจจุบันประชาชนสามารถหาซื้อยาตำรับทั้งสองมารับประทานเองได้ตามอาการของโรค และควรรับประทานตามข้อบ่งใช้และขนาดที่ระบุตามรายละเอียดในบัญชียาหลักแห่งชาติ
ส่วนการนำไปใช้สำหรับรักษาโรคโควิด ควรรอผลการศึกษาวิจัยให้แน่ชัดเสียก่อนเพื่อความปลอดภัย
ขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะเร่งวิจัยและพัฒนาสมุนไพรทั้ง 2 ตำรับ ทั้งในด้านการศึกษาการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันก่อนการติดเชื้อไวรัส ฤทธิ์และกลไกการออกฤทธิ์ในการต้านการติดเชื้อไวรัส ตลอดจนศึกษาความปลอดภัยของยาตำรับ เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนการใช้ยาสมุนไพรสำหรับใช้เป็นยารักษาโรคโควิดต่อไป