Sanrio บริษัทผู้ผลิตสินค้าคาแรกเตอร์ชื่อดังของญี่ปุ่น กำลังเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของ Hello Kitty ด้วยผลกำไรสุทธิครึ่งปีแรก (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน) ที่พุ่งสูงขึ้นถึง 82% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเป็น 1.9 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 4.2 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นผลกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมและสินค้าที่ระลึก รวมถึงรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ในสหรัฐอเมริกาและจีน
นอกจากนี้ ธุรกิจร้านค้าและสวนสนุกในญี่ปุ่นก็มีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นจากความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมที่ไม่เสื่อมคลายของ Hello Kitty และคาแรกเตอร์อื่นๆ ของ Sanrio
แม้ว่า Hello Kitty จะยังคงเป็นตัวละครหลักของบริษัท แต่ Sanrio ก็ประสบความสำเร็จในการลดการพึ่งพา Hello Kitty เพียงตัวเดียว และหันมาส่งเสริมคาแรกเตอร์อื่นๆ ควบคู่กันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดต่างประเทศ
เช่น Kuromi ปีศาจจอมซน ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในจีนและเอเชียผ่านแพลตฟอร์มอย่าง TikTok ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ในต่างประเทศ ส่วนความนิยมของคาแรกเตอร์ Sanrio ในกลุ่ม Gen Z อเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการใช้โซเชียลมีเดียและการเล่นเกม
Sanrio ปรับกลยุทธ์การขายลิขสิทธิ์โดยนำเสนอสัญญาแบบ Mixed-Character ที่อนุญาตให้ผู้ได้รับอนุญาตใช้สิทธิ์ใช้คาแรกเตอร์ได้หลายตัว ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้และขยายฐานลูกค้า โดยสัญญาประเภทนี้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของกำไรขั้นต้น
Sanrio มีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2020 ที่บริษัทขาดทุนสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี โดยในปีงบประมาณ 2023 อัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 8.1% ในปีงบประมาณ 2018 เป็น 27% และผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจากประมาณ 7% เป็นประมาณ 29%
แม้ว่า Sanrio จะประสบความสำเร็จในการกระจายความเสี่ยง แต่รายได้ของบริษัทยังคงขึ้นอยู่กับความนิยมของคาแรกเตอร์ต่างๆ ดังนั้นบริษัทจึงเริ่มทุ่มเททรัพยากรไปยังด้านอื่นๆ
ซึ่ง Sanrio กำลังมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังภาคการศึกษา อย่างการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนและของเล่นเสริมพัฒนาการสำหรับเด็ก และกำลังพิจารณาการเข้าซื้อกิจการเพื่อขยายธุรกิจและเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และบริการ
อ้างอิง: