เหตุไฟไหม้ที่โรงไฟฟ้าใกล้สนามบินฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ส่งผลให้ไฟฟ้าดับ และทำให้ สนามบินฮีทโธรว์ ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการบินที่พลุกพล่านที่สุด ต้องประกาศปิดให้บริการชั่วคราว ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินกว่า 1,000 เที่ยว และผู้โดยสารกว่า 145,000 คน
โทมัส โวลด์บี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสนามบินฮีทโธรว์ คาดการณ์ว่าสนามบินจะกลับมาเปิดทำการได้ตามปกติในวันเสาร์ (22 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่กำลังสอบสวนหาสาเหตุ
“เช้าวันเสาร์ (ตามเวลาท้องถิ่น) เราคาดว่าจะกลับมาดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ หรือก็คือดำเนินการได้ 100% เหมือนวันปกติ” โวลด์บีกล่าวเมื่อวันศุกร์ พร้อมทั้งขอโทษผู้โดยสารสำหรับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
ด้านสนามบินฮีทโธรว์ระบุในแถลงการณ์ที่ส่งถึง CNN ว่า “เราทราบดีว่าเรื่องนี้จะสร้างความผิดหวังให้กับผู้โดยสาร และเราต้องการยืนยันว่าเรากำลังทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขสถานการณ์”
อะไรคือจุดเริ่มต้นความวุ่นวาย
หม้อแปลงที่สถานีจ่ายกระแสไฟฟ้าในเมืองเฮยส์ชานกรุงลอนดอนเกิดไฟไหม้เมื่อคืนวันพฤหัสบดี ตามรายงานของ London Fire Brigade (LFB) ซึ่งเผยด้วยว่า รถบรรทุก 10 คัน และนักดับเพลิงประมาณ 70 นาย ถูกส่งไปดับไฟ อีกทั้งยังมีการตั้งแนวป้องกัน 200 เมตร (650 ฟุต) รอบที่เกิดเหตุ
“เหตุการณ์เกิดจากหม้อแปลงที่บรรจุน้ำมันหล่อเย็น 25,000 ลิตรลุกไหม้ขึ้น ซึ่งถือเป็นอันตรายร้ายแรงเนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูงยังคงทำงาน ประกอบกับลักษณะของการไฟไหม้น้ำมันเชื้อเพลิง” โจนาธาน สมิท รองผู้บัญชาการ LFB กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อเช้าวันศุกร์
LFB เผยว่า มีการอพยพคนออกจากพื้นที่ใกล้เคียงประมาณ 150 คน ขณะที่ผู้ให้บริการสาธารณูปโภค Scottish and Southern Electricity Networks ระบุว่าบ้านเรือนมากกว่า 16,000 หลังไม่มีไฟฟ้าใช้ ด้าน National Grid ของอังกฤษเร่งดำเนินการเพื่อให้กลับมาจ่ายกระแสไฟฟ้าได้
LFB ยืนยันเมื่อวันศุกร์ว่าไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุไฟไหม้
การสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้กำลังดำเนินอยู่ และตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายของลอนดอนได้เข้ามามีส่วนร่วม “เนื่องจากเหตุการณ์นี้มีผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ”
อย่างไรก็ตาม โฆษกของตำรวจกล่าวว่า “ไม่มีข้อบ่งชี้ถึงการทำผิดกฎหมาย” เช่นเดียวกับ London Fire Brigade ที่ระบุว่า “ไม่สงสัย” เกี่ยวกับสาเหตุของเพลิงไหม้ ด้านเอ็ด มิลลิแบนด์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของอังกฤษ กล่าวกับสถานีวิทยุ LBC Radio ของลอนดอนว่า “ไม่มีข้อบ่งชี้” ถึงการทำผิดกฎหมาย แต่เป็นเพียง “อุบัติเหตุร้ายแรง”
สนามบินฮีทโธรว์ และภาคการบินได้รับผลกระทบรุนแรงแค่ไหน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ความวุ่นวายในการเดินทางอันเนื่องมาจากสนามบินฮีทโธรว์ปิดให้บริการนั้นอาจกินเวลานานหลายวัน เนื่องจากแหล่งจ่ายไฟสำรองที่ฮีทโธรว์ได้รับผลกระทบจากไฟไหม้เช่นกัน ทำให้สนามบินไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยภาพและคลิปวิดีโอที่แชร์บนโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นภาพสนามบินฮีทโธรว์ที่มืดสนิท
นักวิเคราะห์ด้านการบินกล่าวกับ CNN ว่า การที่แหล่งจ่ายไฟสำรองของสนามบินได้รับความเสียหายนั้น “เป็นเรื่องที่ผิดปกติ”
“คุณคือศูนย์กลางหลักที่นำเราไปสู่ทั่วโลก คุณมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร ต้องมีแผน B” นักวิเคราะห์ด้านการบิน เจฟฟรีย์ โทมัส กล่าว
ด้านมิลลิแบนด์กล่าวยอมรับในการให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า ต้องมีการเรียนรู้บทเรียนเกี่ยวกับการเตรียมการป้องกันและการรับมือสถานการณ์ให้พร้อมสำหรับ “สถาบันหลักๆ เช่น ฮีทโธรว์”
วิกฤตการณ์ที่สนามบินฮีทโธรว์สร้างผลกระทบรุนแรงต่อการเดินทางทางอากาศทั่วโลก เนื่องจากฮีทโธรว์เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการบินสำคัญที่พลุกพล่านที่สุดในโลก โดยในปี 2023 มีผู้โดยสารเดินทางผ่านสนามบินแห่งนี้ถึง 83.9 ล้านคน และมีเที่ยวบินเข้าออกกว่า 1,300 เที่ยวต่อวันจากสหรัฐอเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง เฉพาะวันศุกร์วันเดียว เที่ยวบินกว่า 1,350 เที่ยวได้รับผลกระทบ โดยเที่ยวบิน 120 เที่ยวที่กำลังบินอยู่ต้องเปลี่ยนเส้นทางหรือกลับไปยังต้นทางทันที
นักวิเคราะห์การบิน ชูคอร์ ยูซอฟ อธิบายว่ากระบวนการตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเที่ยวบินเป็นกระบวนการที่ “รวดเร็ว” และต้องมีการประสานงานอย่างเข้มข้นระหว่างหน่วยงานสหราชอาณาจักรและสายการบิน โดยเฉพาะเที่ยวบินระยะไกลที่มีความซับซ้อนมากกว่า ข้อจำกัดด้านจุดจอดที่สนามบินใกล้เคียงบังคับให้สายการบินต้องหาตัวเลือกอื่นนอกสหราชอาณาจักร อีกทั้งปัจจัยด้านเชื้อเพลิงก็มีความสำคัญ เนื่องจากนักบินอาจต้องบินวนรอรันเวย์ว่าง
ข้อจำกัดด้านพื้นที่จอดที่สนามบินใกล้เคียงทำให้หลายเที่ยวบินต้องเปลี่ยนเส้นทางไปทั่วยุโรป เช่น แมนเชสเตอร์ที่อยู่ห่างไป 200 ไมล์ โดยสายการบินต่างๆ ตอบสนองต่อวิกฤตนี้แตกต่างกัน:
- Ryanair เพิ่ม “เที่ยวบินช่วยเหลือ” 8 เที่ยวระหว่างดับลินและลอนดอนสแตนสเต็ด
- Air France ระงับ 8 เที่ยวบินไปและกลับจากฮีทโธรว์
- Lufthansa ยกเลิกเที่ยวบินไป-กลับฮีทโธรว์ทั้งหมดในวันศุกร์
- British Airways และ Qatar Airways ประสานงานกับเจ้าหน้าที่เพื่อคอยอัปเดตข้อมูลให้ผู้โดยสาร
- สายการบินญี่ปุ่นต้องส่งเที่ยวบิน 2 ลำกลับโตเกียว และเปลี่ยนเส้นทางอีก 1 ลำ
นอกจากนี้ ระบบรถไฟรอบสนามบิน รวมถึง Heathrow Express ที่เชื่อมต่อกับใจกลางลอนดอนก็หยุดให้บริการด้วย ขณะเดียวกันเหตุการณ์นี้ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงิน โดยหุ้นสายการบินบางแห่งร่วงลงถึง 5% และมีการประเมินว่าความสูญเสียทางการเงินอาจสูงถึงหลายร้อยล้านปอนด์ เร่งให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารติดค้างนับแสน
หน่วยงานการบินพลเรือนสหราชอาณาจักร UK Civil Aviation Authority (CAA) แนะนำว่าผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟฟ้าดับควรได้รับทางเลือกในการขอเงินคืนหรือเที่ยวบินทดแทนจากสายการบิน นอกจากนี้ สำหรับเที่ยวบินของสายการบินในสหราชอาณาจักรหรือสหภาพยุโรป ผู้โดยสารควรได้รับอาหาร เครื่องดื่ม และที่พักระหว่างที่เที่ยวบินของตนล่าช้า
เซลินา ชาดา ผู้อำนวยการกลุ่มผู้บริโภคของ CAA กล่าวว่า “เราเข้าใจความยากลำบากที่เกิดขึ้นและคาดหวังให้สายการบินดำเนินการทุกขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลือผู้โดยสาร” ทั้งนี้ CAA แนะนำให้สายการบินชดเชยผู้โดยสารทันทีหากไม่สามารถให้การดูแลได้อย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารอาจไม่ได้รับค่าชดเชยเพิ่มเติม เนื่องจากเหตุการณ์นี้อาจถือเป็น “สถานการณ์พิเศษ”
ภาพผู้เดินทางที่เหนื่อยล้านั่งเรียงรายตามทางเดินในฮีทโธรว์สะท้อนความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ขณะที่หลายคนติดค้างบนรันเวย์หลายชั่วโมงเมื่อเที่ยวบินถูกยกเลิก คิม มิคเคล สกิบเรก ชาวอเมริกัน-นอร์เวย์ บินจากมินนิอาโปลิสมาแล้ว 3 ชั่วโมงเมื่อลูกเรือประกาศว่าเครื่องบินต้องบินกลับเนื่องจากไฟไหม้ โดยเขากำลังเดินทางไปออสโลเพื่อเยี่ยมพ่อที่ป่วยเป็นมะเร็ง และต้องเร่งหาเที่ยวบินใหม่โดยเร็วที่สุด แอบบี เฮิร์ตซ์ และครอบครัวมีกำหนดร่วมงานแต่งงานของเพื่อนสนิทสามี ซึ่งเลื่อนมาแล้วครั้งหนึ่งจากโควิด และกำลังจัดขึ้นหลังจากลูกชายของคู่บ่าวสาวหายจากโรคมะเร็ง แต่ตอนนี้ไม่แน่ชัดว่าพวกเขาจะไปร่วมงานได้หรือไม่
ที่สนามบิน JFK ในนิวยอร์ก ผู้โดยสารรายหนึ่งกล่าวว่าเที่ยวบิน British Airways ของเธอพร้อมออกเดินทางแล้วเมื่อมีประกาศให้รอ และครึ่งชั่วโมงต่อมาจึงทราบว่าฮีทโธรว์ปิดทำการ แม้จะผิดหวัง แต่เธอเล่าว่า “บรรยากาศบนเครื่องค่อนข้างผ่อนคลาย” แต่เธอกังวลว่าจะเดินทางไปอังกฤษไม่ทันเพราะมีงานแต่งงานที่ต้องเข้าร่วมในวันเสาร์
สำหรับผู้อาศัยใกล้สนามบินมากว่า 20 ปีอย่าง เจมส์ เฮนเดอร์สัน กล่าวว่า การปิดสนามบินทำให้เกิดความเงียบที่แปลกประหลาด “โดยปกติมีเครื่องบินทุก 90 วินาที แถมยังมีเสียงการจราจรตลอดเวลา และคุณก็ชินกับมันแล้ว” เขากล่าว “วันนี้ต่างออกไป คุณได้ยินเสียงนกร้อง”
ภาพ: Alishia Abodunde / Getty Images
อ้างอิง: