×

นิโค โรบิน หญิงสาวที่เพียงแค่อยาก ‘มีชีวิต’ และค้นหา ‘ความจริง’ ที่หายไป

06.02.2020
  • LOADING...

กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางนั้นเป็นที่รู้กันดีว่าเต็มไปด้วยตัวละครที่โดดเด่นทั้งความสามารถและคาแรกเตอร์สุดประหลาด ไม่เหมือนใคร แต่ท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายที่เกิดขึ้นตลอดเวลา นิโค โรบิน กลับเป็นสาวพูดน้อยและดูมีลักษณะใกล้เคียงกับคำว่า ‘ปกติ’ มากที่สุด แต่ก็เพราะแบบนี้เองที่ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่มีคนรักมากที่สุดในเรื่อง One Piece

 

ในมังงะตอนที่ 114 เธอปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะศัตรูของกลุ่มหมวกฟาง ด้วยการลอบขึ้นมาบนเรือโกอิ้งแมรี่ด้วยท่าทีนิ่งสงบ สง่างาม เธอมีเสน่ห์จากแววตาที่เรียบเฉย ไม่อาจคาดเดาความรู้สึก แต่ในขณะเดียวกัน ความเรียบเฉยนั้นก็ทำให้เธอดูเป็นหญิงสาวที่แสนเย็นชาและดูน่ากลัว

 

ในช่วงต่อสู้กับเจ็ดเทพโจรสลัดครอกโดไดล์ นิโค โรบิน มีฉากหน้าเป็นเสนาธิการสูงสุดที่คอยช่วยให้แผนการชั่วร้ายของปีศาจทรายดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เพื่อใช้เส้นสายของครอกโคไดล์เข้าถึง ‘ความจริงที่หายไป’ ในประวัติศาสตร์ แต่สุดท้ายก็ถูกคนที่ร่วมงานกันมา 4 ปี ทำร้าย จนหมดหวังในการมีชีวิต 

 

“ตายอยู่ที่นี่แบบนี้ก็ดีแล้วแหละ ฉันแค่อยากรู้ประวัติศาสตร์เท่านั้น ความฝันของฉันช่างมีศัตรูมากมายเสียจริง”

 

ถึงแม้ว่าเพื่อนๆ จะคัดค้าน แต่ ลูฟี่ กัปตันเรือที่มีหัวใจกว้างใหญ่ยิ่งกว่ามหาสมุทร ก็ยังยินดีรับ นิโค โรบิน เข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่มคนที่ 7 โดยบอกกับเพื่อนๆ ด้วยคำง่ายๆ ที่ไม่มีหลักฐานอ้างอิง แต่ยืนยันจากความรู้สึกในหัวใจว่า “อย่าห่วงไปเลย แม่นี่ไม่ใช่คนเลวหรอก”

 

โรบินเริ่มเปิดเผยอดีตออกมาทีละน้อยว่า เพราะเธอเป็นนักค้นคว้าประวัติศาสตร์ที่สามารถอ่าน ‘อักษร’ โบราณที่จะเปิดเผยความจริงของ ‘ประวัติศาสตร์ 100 ปีที่ว่างเปล่า’ ได้ ทำให้เธอถูกเรียกว่า ‘เด็กปีศาจ’ มีค่าหัวถึง 79 ล้านเบรี ทั้งที่มีอายุแค่ 8 ขวบเท่านั้น

 

แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นาน แต่ความรัก ความผูกพัน ที่เกิดขึ้นระหว่างการผจญภัยบนเกาะท้องฟ้าที่ต้องต่อสู้กับ ‘มหาเทพ’ เอเนลู รวมทั้งศึกตัดสินเดวี แบ็ก ไฟต์กับกลุ่มโจรสลัดฟ็อกซี ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ความทรงจำดำมืดของเธอเริ่มสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง

 

แต่เมื่อเดินทางมาถึงเมืองแห่งน้ำ วอเตอร์เซเว่น คำพูดที่เธอเคยพูดเอาไว้ว่า “ความฝันของฉันช่างมีศัตรูมากมายเสียจริง” ก็กลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง แถมศัตรูคราวนี้เป็นถึงองค์กรสายลับ CP9 ที่มีความเกี่ยวพันกับอดีตอันแสนเลวร้ายในวัยเด็ก และที่สำคัญคือมี ‘อำนาจ’ มากพอที่จะทำให้เพื่อนๆ ของเธอได้รับอันตรายไปด้วย

 

การถูกตามล่าจากรัฐบาลไม่เคยเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิงที่ทั้งเก่งและฉลาดอย่าง นิโค โรบิน เพราะก่อนหน้านั้นเธอสามารถทำทุกอย่าง หักหลังทุกคน เพื่อเอาตัวรอดได้เสมอ 

 

แต่ตอนนี้เธอทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะเธอไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป และตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่อยากทำอีกครั้ง นั่นคือต้อง ‘หักหลัง’ เพื่อนๆ ของตัวเอง

 

นิโค โรบิน รู้ดีว่า การตัดสินใจแบบนี้จะทำให้เธอต้องเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด เธอยอมเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลสั่งทุกอย่าง ยอมถูกจับถึงแม้รู้ดีว่าอาจถูกบังคับให้เธอใช้ความสามารถทางโบราณคดีของเธอ เพื่อคืนชีพให้กับอาวุธในตำนานที่มีพลังมากพอที่จะสร้างความปั่นป่วนคนทั้งโลก 

 

แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจ ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง จะถูกเพื่อนเกลียดก็ไม่เป็นไร ตัวเองต้องตายก็ไม่สน เพราะความปรารถนาในใจของเธอมีเพียงอย่างเดียวคือ ทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้เพื่อนของเธอมีชีวิตรอดต่อไป

 

แต่ความปรารถนาของเธอกลับกลายเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟ เพราะหากโรบินยอมทิ้งชีวิต ยอมทำร้ายคนทั้งโลก เพื่อช่วยชีวิตพวกเขา พวกเขาก็พร้อมที่จะทิ้งชีวิต และเป็นศัตรูกับทั้งโลก เพื่อช่วยชีวิตเธอเอาไว้เช่นเดียวกัน 

 

ถึงแม้เธออยากตอบรับความช่วยเหลือของพวกเขามากขนาดไหน แต่ความทรงจำเลวร้ายทำให้เธอต้องกล้ำกลืนมันไว้แต่เพียงผู้เดียว

 

อดีตที่ถูกเรียกว่า ‘ปีศาจ’ ต้องอยู่คนเดียว ไม่รู้จักแม้กระทั่งหน้าแม่ของตัวเอง ที่ออกเดินทางไปตามหาความจริงของ ‘ประวัติศาสตร์ 100 ปีที่ว่างเปล่า’ ตั้งแต่เธออายุ 2 ขวบ

 

ความทรงจำจากความโดดเดี่ยวผลักดันให้โรบินทำทุกอย่าง อ่านหนังสือทุกเล่ม จนสามารถเป็นนักโบราณคดีได้ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ โรบินพยายามทำตัวให้เก่งที่สุด เพื่อให้มีความสามารถมากพอที่จะออกเดินทางไปพร้อมกับแม่ของเธอได้

 

แต่ภาพที่สวยงามเหล่านั้นกลับเปลี่ยนเป็นเสียงระเบิดและเปลวเพลิงจากอำนาจ ‘บัสเตอร์คอล’ การได้พูดคุยกับแม่ครั้งแรกก็กลายเป็นเพียงคำพูดสุดท้ายไม่กี่คำ เพราะทุกคนในโอฮาร่าถูกกำจัดทิ้งจนหมด เหลือเพียงตัวเธอคนเดียวที่หนีรอดออกมาได้

 

ความทรงจำทั้งหมดทำให้เธอสับสนและยิ่งไม่แน่ใจกับการมีชีวิตอยู่ต่อไปของตัวเอง แต่เมื่อ ‘เพื่อน’ ของเธอมายืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับคำพูดของกัปตันที่ตะโกนข้ามฝั่งมาว่า 

 

“โรบิน! ยังไม่ได้ยินจากปากเธอเลย พูดสิว่า อยากมีชีวิตอยู่” พร้อมกับสั่งทำลาย ‘ธง’ รัฐบาลโลก เพื่อเป็นการยืนยันว่า พวกเขาพร้อมทำทุกอย่างเพื่อเธอจริงๆ

 

เมื่อนั้นเองที่กำแพงความเจ็บปวดสูงชันในหัวใจของโรบินได้ถูกทำลายลงอย่างราบคาบ เพราะจากคนที่เคยคิดว่า ‘การมีชีวิต’ เป็นสิ่งที่ไม่ควรคาดหวัง แต่นี่คือครั้งแรกที่มีคนมอบ ‘ชีวิต’ ให้กับเธอ

 

“ฉันอยากจะมีชีวิตต่อไป ช่วยพาฉันออกทะเลไปด้วยนะ” เธอตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง พร้อมกับน้ำตาที่ไม่ได้แสดงออกซึ่งความเสียใจ แต่เป็นน้ำตาเพราะความดีใจเมื่อได้รู้ ‘คุณค่า’ ของการมีชีวิต

 

หลังจากนั้นเมื่อการต่อสู้จบลง โรบินเริ่มออกเดินทางกับเพื่อนๆ อีกครั้ง โดยทิ้งอดีตที่เจ็บปวดไว้เบื้องหลัง และไม่สนใจอีกแล้วว่า คนทั้งโลกจะว่าเธอเป็นปีศาจหรืออะไรก็ตาม

 

เพราะในฐานะกลุ่ม ‘เพื่อน’ ที่เต็มไปด้วย ‘ปีศาจ’ สายพันธุ์ต่างๆ มารวมตัวกัน ลูฟี่ เป็นปีศาจยางยืดช่างฝัน, โซโล ก็เป็นปีศาจขี้เมาที่ชื่นชมอาชูร่า, ซันจิ เป็นกุ๊กปีศาจจอมลามก, อุซป เป็นปีศาจขี้โกหก, นามิ เป็นปีศาจสาวหัวขโมยที่มองทุกอย่างเป็นเงิน, ช็อปเปอร์ ปีศาจเรนเดียร์จมูกน้ำเงิน รวมทั้งสมาชิกใหม่อย่าง แฟรงกี้ ที่เป็นปีศาจไซบอร์กที่ใส่กางเกงในตัวเดียว ถ้ามองในแง่นี้ ทุกคนดูเหมาะสมกับคำว่า ‘ปีศาจ’ มากกว่าหญิงสาวผู้แสนโดดเดี่ยวอย่างเธอด้วยซ้ำ

 

แต่ปีศาจในที่นี้ไม่ใช่ตัวแทนของความน่ากลัว หากแต่เป็นปีศาจที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยคำว่า ‘เพื่อน’ ที่คอยโอบอุ้ม ปกป้อง และสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพื่อให้ต่างคนได้มี ‘ชีวิต’ อยู่ต่อไป เพื่อทำตามความปรารถนาที่ต้องการ

 

หมายเหตุ: แก้ไขและเรียบเรียงใหม่จากบทความ thestandard.co/hbd-nico-robin/

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising