ครั้งหนึ่งชานมไข่มุกถือเป็นเครื่องดื่มที่ฮิตมากในญี่ปุ่น ถึงขนาดที่แก๊งยากูซ่ายังสนใจและหันมาเปิดร้านเครื่องดื่มที่มีต้นกำเนินจากไต้หวัน ด้วยมองว่าเป็นธุรกิจที่ลงทุนไม่สูง เพียง 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6 แสนบาท ก็เปิดได้แล้ว แถมยังทำกำไรได้ดีเสียด้วย เพราะชานมไข่มุก 1 แก้ว มีต้นทุนเพียง 100 เยน หรือราว 30 บาท แต่กลับขายได้ราคาถึง 500 เยน หรือ 150 บาทด้วยกัน
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจ หากจะมีร้านชานมไข่มุกผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในย่านสำคัญๆ ของญี่ปุ่น รวมไปถึงฮาราจูกุ ย่านที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางแฟชั่นและวัฒนธรรมคนหนุ่มสาวของแดนซากุระ ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มีร้านชานมไข่มุกเปิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งเป็นร้านของชาวญี่ปุ่นเองหรือเชนต่างประเทศที่บุกเข้ามา
ทว่า จากธุรกิจที่เคยรุ่งเรือง มีคนต่อแถวยาวเพื่อซื้อเครื่องดื่มมาถ่ายรูปอัปขึ้นโซเชียลมีเดีย มาวันนี้ร้านชานมไข่มุกในย่านฮาราจูกุ ซึ่งเคยคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวและวัยรุ่นชาวญี่ปุ่น ต่างทยอยปิดตัวลงนับสิบร้าน ในจำนวนนี้มีเชนร้านชื่อดังอย่าง Gong Cha และ CoCo รวมอยู่ด้วย โดยมีการประเมินว่าร้านชานมไข่มุกหายไปจากย่านนี้ประมาณ 30-40%
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ร้านเหล่านี้อยู่ไม่ได้เป็นเพราะการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้รัฐบาลขอให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน เลี่ยงที่จะออกมาที่ชุมชน ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวที่เคยอุ่นหนาฝาคั่งก็หายไป เนื่องจากไม่สามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศได้ ทำให้ลูกค้าที่เคยต่อแถวซื้อลดลงเหลือ 10-20% ของยุครุ่งเรืองเท่านั้น คำถามที่ตามมาคือ ร้านชานมไข่มุกในฮาราจูกุกำลังจะถึงจุดสิ้นสุดแล้วหรือ?
สำหรับร้านที่ยังอยู่รอดได้คือร้านที่ตั้งอยู่ในสถานที่ที่มีการสัญจรไปมาอย่างสม่ำเสมอ เช่น ใกล้ทางออกรถไฟใต้ดิน ขณะเดียวกันบางร้านได้มีการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด โดยการเพิ่มเมนูใหม่ๆ เช่น กาแฟ, เพิ่มเมนูอาหารใหม่ หรือแม้กระทั่งการขายหน้ากากอนามัย ในขณะที่บางร้านได้ปรับตัวเองให้เป็นคาเฟ่ที่ให้ลูกค้าสามารถเข้ามานั่งชิลได้ เป็นต้น
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
