อาบู อูไบดา โฆษกกลุ่มฮามาสเผยแพร่แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์ เตือนว่าจะไม่มีตัวประกันคนใดได้ออกจากฉนวนกาซาแบบมีชีวิต หากข้อเรียกร้องของทางกลุ่มที่ต้องการให้อิสราเอลปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์ ไม่ได้รับการตอบรับ
“ทั้งพวกศัตรูฟาสซิสต์ (อิสราเอล) และผู้นำที่หยิ่งผยอง หรือผู้สนับสนุน ไม่สามารถเอาตัวเชลยไปได้แบบมีชีวิต หากปราศจากการแลกเปลี่ยนและการเจรจา และการสนองตอบข้อเรียกร้องของกองกำลังต่อต้าน (ฮามาส)”
คำเตือนของกลุ่มฮามาสมีขึ้นท่ามกลางความหวังในการเจรจาหยุดยิงที่ยังไร้วี่แวว โดยกาตาร์ในฐานะตัวกลางเจรจา ชี้ว่าการทิ้งระเบิดโจมตีกาซาของอิสราเอลทำให้โอกาสในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวครั้งใหม่ลดน้อยลง
ขณะที่สถานการณ์สู้รบในกาซายังทวีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ จากการจู่โจมภาคพื้นดินอย่างหนักหน่วงของกองทัพอิสราเอลที่ขยายไปถึงเมืองข่านยูนิส ซึ่งเป็นเมืองหลักทางใต้ของกาซา โดยอิสราเอลเชื่อว่ามีแกนนำฮามาสหลายคนหลบซ่อนตัวอยู่
ซึ่งล่าสุดขบวนรถถังและทหารของอิสราเอลสามารถรุกคืบเข้าไปถึงพื้นที่ใจกลางเมืองแล้ว ภายหลังการปะทะอย่างดุเดือด ซึ่งกองทัพอิสราเอลเผยว่าได้โจมตีเป้าหมายของฮามาสไปกว่า 250 จุดในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
รัฐบาลอิสราเอลเผยว่า ปฏิบัติการจู่โจมและปิดล้อมเมืองข่านยูนิส ทำให้มีนักรบฮามาสหลายสิบคนยอมจำนน โดย เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เรียกร้องให้สมาชิกฮามาสคนอื่นๆ ยอมจำนนเช่นกัน แต่กลุ่มฮามาสตอบโต้ว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลลวง
ด้านกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ที่ดำเนินการโดยฮามาส เผยว่าจำนวนชาวปาเลสไตน์ในกาซาที่เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอล เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 18,000 คนแล้ว
โดยองค์การอนามัยโลกเตือนว่าระบบสาธารณสุขภายในกาซานั้นกำลังจะล่มสลาย หลังสงครามยืดเยื้อมากว่า 2 เดือน โดยมีโรงพยาบาลที่ยังสามารถรับรักษาผู้ป่วยได้เพียง 14 โรงพยาบาล จากทั้งหมด 36 โรงพยาบาลทั่วกาซา
ขณะที่องค์การสหประชาชาติประเมินว่ามีชาวปาเลสไตน์ในกาซากว่า 1.9 ล้านคน จากทั้งหมด 2.4 ล้านคน ที่ต้องอพยพพลัดถิ่นจากการสู้รบที่เกิดขึ้น ซึ่งในจำนวนนี้ราวครึ่งหนึ่งเป็นเด็ก และมีจำนวนมากที่ถูกบังคับให้หนีไปทางใต้ของกาซา หรือใช้ชีวิตในพื้นที่ซึ่งไม่ปลอดภัย
ภาพ: Matan Golan / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: