หากคิ้วเปรียบเสมือนมงกุฎของสาวๆ ทรงผมของผู้ชายก็คงไม่ต่างกัน เพราะการจะดูดีได้นอกจากเสื้อผ้าต้องเป๊ะแล้ว ทรงผมของหนุ่มๆ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ลุคของคุณวันนั้น ‘ดับ’ หรือ ‘ได้ไปต่อ’ เพราะแม้คุณจะตัดผมกับร้านชื่อดังขนาดไหน แต่ถ้ากลับมาบ้านแล้วเซตไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมชนิดไหน เพราะมีให้เลือกทั้ง โพเมด, แว็กซ์, เจล, เคลย์, สเปรย์, มูส ฯลฯ ที่วางเรียงรายอยู่บนชั้น อย่าลืมว่าผมแต่ละทรงใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมไม่เหมือนกัน เจลกระปุกเดียวกับที่ซื้อมาตั้งแต่สองปีที่แล้ว อาจไม่เหมาะกับผมทรงปัจจุบันของคุณ ดังนั้น วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยว่าโปรดักส์แต่งผมเหล่านี้ทำอะไรกับเส้นผมของหนุ่มๆ ได้บ้าง และตัวไหนที่เหมาะกับทรงผมของคุณมากที่สุด
(ซ้าย) เนื้อเจลมีความใส บาง แต่จัดทรงอยู่นาน (ขวา) คริส เฮมส์เวิร์ธ
เจล ยึดเกาะสูง & เงามาก
เจลถือเป็นผลิตภัณฑ์แต่งผมที่คนรู้จักมากที่สุด เพราะหาซื้อง่ายและเห็นใช้กันมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อ สามารถเซตผมให้เรียบแปล้แบบเนิร์ดๆ ด้วยการหวีปาดหรือเสยไปด้านหลัง หรือจับผมที่สั้นๆ ให้ชี้ขึ้นเป็นช่อ เป็นผมทรงหนาม ข้อเสียคือทำให้ผมแห้งกรัง แข็ง ไม่เป็นธรรมชาติเพราะเส้นผมแทบไม่กระดิก หากเลือกยี่ห้อไม่ดีจะทิ้งขุยขาวๆ ไว้เต็มศีรษะเหมือนรังแค เสียบุคลิกหมด
(ซ้าย) ตัวละครจาก Mad Men (ขวา) โพเมดมอบความเรียบ เนี้ยบ กริบ
โพเมด ยึดเกาะสูง & เงามาก
โพเมดมอบลุคเนี้ยบกริบสไตล์วินเทจเหมือนพระเอก Mad Men หรือที่บ้านเราเรียก ‘ทรงคุณชาย’ ต่างจากเจลตรงที่ไม่ทำให้ผมแห้งกรอบ เส้นผมมีความเป็นธรรมชาติมากกว่า ผมทรงนี้ได้รับความนิยมมากในบ้านเราช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่วนผสมหลักที่ใช้ได้แก่น้ำมัน บางยี่ห้อจึงล้างออกค่อนข้างยาก ทำให้ผมเหนียวเหนอะหนะ และอาจอุดตันจนเกิดสิวบนหนังศีรษะได้ ปัจจุบันมีหลายยี่ห้อที่ใช้สูตรน้ำ (water based) ทำให้สระออกง่ายขึ้น แต่พลังยึดเกาะไม่แน่นเท่าสูตรน้ำมัน อาจต้องพกเติมระหว่างวัน
(ซ้าย) แว็กซ์มีลักษณะเป็นเนื้อครีม เซตได้ทั้งทรงเนี้ยบและเซอร์ๆ (ขวา) แซค แอฟรอน
แว็กซ์ ยึดเกาะปานกลาง & เงาปานกลาง
แว็กซ์ต่างจากโพเมดตรงที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ทำให้พลังการยึดเกาะไม่สูงเท่า แต่สามารถเซตให้อยู่ทรงได้ดีและหลากหลาย ไม่ว่าจะเนี้ยบๆ หวีปาด หรือใช้มือเสยผมขึ้นให้ดูเซอร์ๆ สบายๆ เหมาะทั้งหนุ่มผมสั้นและยาวปานกลาง แนะนำให้วอร์มด้วยการป้ายแว็กซ์ปริมาณเท่าเหรียญบาทลงบนฝ่ามือ ถูไถฝ่ามือไปมา ก่อนจัดแต่งเส้นผม วิธีนี้ช่วยให้ใยในแว็กซ์ยึดเกาะเส้นผมได้ดีขึ้น ข้อเสียคืออาจอยู่ไม่ถึงค่ำ เพราะเหงื่อและความชื้นในอากาศทำให้แว็กซ์คลายตัวได้ง่าย
(ซ้าย) เดวิด เบ็คแฮม (ขวา) เคลย์มีเนื้อคล้ายขี้ผึ้ง ไม่เหนอะมือ เน้นความด้าน ไม่ขึ้นเงา
เคลย์ และ พาสต์ – ยึดเกาะปานกลาง & เงาต่ำ
คล้ายแว็กซ์แต่ส่วนใหญ่เป็นเนื้อด้าน ใส่แล้วไม่ขึ้นเงา ทำให้เส้นผมเป็นธรรมชาติเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย เหมาะกับวันลำลองที่คุณสามารถเสยผมโชว์สาวได้ ใช้ได้กับหนุ่มผมสั้นและยาวปานกลาง แต่อย่าลืมวอร์มก่อนใช้งานด้วย
(ซ้าย) โฟมจากมูสช่วยเพิ่มวอลุ่ม ทำให้ผมดูหนาขึ้น (ขวา) ทิโมธี ชาลาเมต์
มูส – เพิ่มวอลุ่ม
มูสใช้สำหรับเพิ่มวอลุ่มให้เส้นผม เหมาะสำหรับคนที่มีผมเส้นเล็ก ลีบ แบน แต่อยากทำให้ผมดูหนาขึ้น ควรใช้ระหว่างเป่าผมใกล้แห้ง จากนั้นเป่าต่อจนผมแห้ง แล้วตามด้วยผลิตภัณฑ์แต่งผมอื่นๆ ทรงที่ได้จะดูหนา แน่น ฟู หนุ่มผมยาวบางคนใส่แค่มูส ขยุ้มๆ เป่านิดหน่อยก็ออกจากบ้านได้เลย
ด่านสุดท้ายใช้ฉีดให้ทั่วศีรษะหลังเซตผมเสร็จ
แฮร์สเปรย์ – อยู่ทรงนาน
หน้าที่ของแฮร์สเปรย์คือประการด่านสุดท้ายที่ช่วยให้ทรงผมที่คุณเซตไว้อย่างดี อยู่ทรงไปตลอดทั้งวัน เพียงฉีดให้ทั่วศีรษะหลังเซตผมเสร็จ แค่นี้ก็ไม่ต้องคอยพะวงว่าผมจะเสียทรงระหว่างวัน
Photo: Shutterstock
- Shine หรือระดับความเงา ถ้ายิ่งเงามากแสดงว่าใส่แล้วผมจะดูเปียกๆ เหมือนเพิ่งสระผมเสร็จ ซึ่งตรงกันข้ามกับคำว่า Matte ที่หนักไปทางด้าน ไม่เงาวับ เป็นธรรมชาติมากกว่า
- Holding Power หมายถึงพลังยึดเกาะเส้นผม แบ่งเป็นสามระดับได้แก่ ต่ำ ปานกลาง และสูง