หลังชัยชนะในเกมพรีเมียร์ลีกเหนือทีมแกร่งระดับหัวตารางอย่างบอร์นมัธ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ถูกยิงคำถามถึงผลงานของลูกทีมคนสำคัญ
“เป๊ป ตอนนี้คุณคิดว่าเขาเก่งเท่ากับ (ลิโอเนล) เมสซีและ (คริสเตียโน) โรนัลโดหรือยัง?”
ความจริงแล้วมันเป็นคำถามที่สามารถตอบแบบเลี่ยงได้เพื่อเป็นการให้เกียรติต่อสองสุดยอดนักเตะระดับตำนานมีชีวิตที่เป็นแรงบันดาลใจแห่งยุคสมัยของโลกโมเดิร์นฟุตบอล แต่ในวันนี้ยอดกุนซือชาวคาตาลันตอบแบบชวนคิด
“คุณเห็นตัวเลขของเขาหรือยัง? แน่นอนเขาเก่งถึงในระดับนั้นแล้ว”
นี่คือคำกล่าวชมที่ดีที่สุดสำหรับเอร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ ศูนย์หน้ามหากาฬของแมนเชสเตอร์ ซิตี ที่นับรวม 2 ประตูจากเกมเมื่อคืนนี้ที่เอติฮัด สเตเดียม ทำไปแล้ว 26 ประตู (รวมทั้งสโมสรและทีมชาติ) และนำดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกด้วยจำนวน 13 ประตูจากการลงสนาม 10 นัด
แต่ตัวเลขอย่างเดียวอาจไม่ได้ตอบทุกเรื่องบนโลก เพราะความจริงแล้วฮาแลนด์ในเวลานี้ได้แสดงให้เห็นว่าเขาเติบโตขึ้นอีกขั้นจากเดิมแล้ว

Terminator ฅนเหล็ก 2025
55 หลาคือระยะห่างระหว่างจุดที่ฮาแลนด์ได้บอลกับเส้นประตู ความจริงมันเป็นระยะที่ไกลไม่น้อยสำหรับนักฟุตบอลไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
แต่สำหรับศูนย์หน้ามหาประลัยแล้วเขามั่นใจในความเร็ว ทักษะ และสัญชาตญาณการล่าตาข่าย และเขาก็ไม่พลาดจริงๆ บอลจากจังหวะการจ่ายให้ของรายาน เชร์กี (ทดเด็กคนนี้เอาไว้ก่อนสักวันเราคงได้กลับมาพูดถึงเขา) ฮาแลนด์ควบตะบึงเอาบอลไปโดยที่ไม่มีใครไล่ตามได้ทัน ก่อนที่จะกดด้วยซ้ายข้างถนัดเข้าประตูไปแบบเฉียบขาด
มันเป็นประตูที่ทำเอาเป๊ป กวาร์ดิโอลา ต้องชมเปาะ
“ประตูแรกของเขา ด้วยวิธีที่เขายิงบอลเรียดไปกับพื้นหญ้าเหมือนเป็นการบอกว่า ‘ข้าจะยิงประตูนี้ให้ได้’”
ขณะที่ฮาแลนด์เลือกฉลองประตูด้วยท่าใหม่ แต่ความจริงเก่าแล้วด้วยการทำท่าหุ่นยนต์ (ที่ทำเอาต้นตำรับอย่างปีเตอร์ เคราช์ ต้องขอแซว) ในอีกทางหนึ่งมันกลับชวนให้คิดถึงหุ่นนักล่าในตำนานจากหนังเรื่อง ‘Terminator’ หรือ ‘ฅนเหล็ก’ ที่เคยโด่งดังในอดีตมากกว่า
หุ่นสังหาร T-1000 ที่จะไม่ยอมยุติปฏิบัติการในการไล่ล่าจนกว่าจะทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ ศูนย์หน้าชาวนอร์เวย์คนนี้ให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ยามลงสนามในตอนนี้

คำสั่งใหม่ไม่ใช่แค่สังหาร แต่เป็นการปกป้องด้วย
แต่ในอีกด้านหนึ่งงานของฮาแลนด์ไม่ได้มีเพียงแค่หน้าที่ในการรอโอกาสเพื่อสังหารประตูเพียงอย่างเดียวเหมือนหุ่น T-1000
เขาอาจจะเหมือนหุ่น T-800 มากกว่าด้วยซ้ำเพราะสิ่งที่ทำอีกด้านคือการพยายาม ‘ปกป้อง’ ทีมด้วย
โอเค! สถิติการทำประตูในฤดูกาลนี้ของฮาแลนด์นั้นกลับมาน่าสะพรึงกลัวอีกครั้ง
• 13 ประตูในพรีเมียร์ลีกจากการลงเล่น 10 นัด (เทียบเท่ากับเลส เฟอร์ดินานด์, นิวคาสเซิล 1995/96 แต่ก็น้อยกว่าที่ตัวเองเคยทำไว้ 15 ประตูในปี 2022 )
• ยิงรวมทุกรายการให้แมนฯ ซิตีจนถึงตอนนี้ 17 ประตู
• ถ้ารวมทีมชาติด้วยยิงไปแล้ว 26 ประตูรวมตั้งแต่เปิดฤดูกาล
• ค่า xG การได้ประตูโดยไม่รวมลูกจุดโทษสูงที่สุด (9.20)
• จำนวนประตูที่ยิงได้คิดเป็น 65 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประตูที่แมนฯ ซิตียิงได้ในฤดูกาลนี้
แต่ฮาแลนด์ไม่ได้ทำแค่นี้เพราะเขายังช่วยลงไปเล่นเกมรับอย่างเต็มกำลัง ขึงขังแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ชิลล์หรือทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายเฉื่อยชาเหมือนก่อนหน้านี้
“เป้าหมายของผม มีแค่การพยายามช่วยให้ทีมชนะก็แค่นั้นเอง” ฮาแลนด์กล่าวหลังเกม “ไม่ว่าจะเป็นการทำประตู การเอาชนะในการปะทะ หรืออะไรก็ตามมันไม่สำคัญเลยตราบใดที่เราชนะในการแข่งขัน ผมอยากช่วยให้ทีมเป็นทีมที่ดีขึ้น นี่แหละคืองานของผม”
คำพูดคำจาของเขารู้สึกได้ทันทีว่ามีน้ำหนักและทรงพลัง
นี่ไม่ใช่การพูดในฐานะนักฟุตบอลคนหนึ่งในทีม แต่เป็นการพูดและการแสดงออกถึงการเป็น ‘ผู้นำ’ คนใหม่ของทีม โดยเฉพาะในวันที่ไม่มีอดีตฮีโร่ของทีมอย่างเควิน เดอ บรอยเนอ อยู่ในถิ่นเอติฮัดอีกแล้ว

นักเรียนดีเด่น
ความเปลี่ยนแปลงของฮาแลนด์นั้นส่วนหนึ่งมาจากการเป็น ‘นักเรียน’ ที่ดีของเขาเอง
นักฟุตบอลในปัจจุบัน หรือแม้แต่ในอดีตก็ตาม ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ทุกคนจะฟังในสิ่งที่โค้ชพยายามแนะนำหรือสอน หลายต่อหลายคนเชื่อมั่นในทักษะและความสามารถของตัวเองมากกว่าจนละเลยคำแนะนำที่ได้รับ
แต่เรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นกับฮาแลนด์ และเป็นสิ่งที่ทำให้เป๊ป รู้สึกชื่นชมเขามากที่สุด
“ผมเคยบอกหลายครั้งแล้วว่าเขาเป็นคนที่สอนได้ง่ายมาก ผมเองก็ยังเข้มงวดกับเขาในหลายครั้ง”
“ผมพยายามที่จะเปิดใจกว้างกับเขา ซึ่งนักฟุตบอลบางคนอาจจะมองว่า ‘พูดอะไรเนี่ย?’ แต่เขาเป็นคนที่ติดดินมาก เขาต้องการที่จะรับฟังและเขามีชีวิตอยู่เพื่อการล่าประตู ถ้าไม่มีเขาชีวิตของพวกเราก็ลำบาก”
นอกจากนี้ฮาแลนด์ยังเป็นนักฟุตบอลที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกินที่เลือกรับประทานแต่สิ่งที่มีประโยชน์ รวมถึงการนอนหลับพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาพพร้อมที่สุดสำหรับการลงทำการแข่งขันด้วย
สิ่งที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเขาจนถึงตอนนี้น่าจะไม่ใช่ขั้นตอนสุดท้าย แต่ยังอยู่ในระหว่างกระบวนการพัฒนาที่เป๊ป กวาร์ดิโอลา พยายามทำอยู่ในเวลานี้

เรือใบสไตล์โจรสลัด
อย่างไรก็ดีแมนฯ ซิตีไม่ได้มีดีแค่ฮาแลนด์ หรืออย่างน้อยพวกเขาก็พยายามที่จะไม่ได้มีดีแค่นี้
การอำลาของเดอ บรอยเนอ, การยังไม่คืนฟอร์มของโรดรี และความโรยราของแบร์นาโด ซิลวา ทำให้เป๊ป ต้องพยายามที่จะสร้างทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้งซึ่งหลังผ่านมา 10 นัดในพรีเมียร์ลีก เราพอมองเห็นทิศทางความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ
‘เรือใบสีฟ้า’ ยุคใหม่ได้เปลี่ยนแปลงระบบและวิธีการเล่นแบบใหม่เพื่อให้เข้ากับจุดแข็งของกองหน้าอย่างฮาแลนด์มากยิ่งขึ้น โดยจะไม่เน้นการคอนโทรลเกมด้วยการครองบอลไปมาที่ทำให้สุดท้ายคู่แข่งลงไปตั้งรับลึกแบบ Low block ที่แน่นไปหมดจนทำอะไรไม่ได้
แต่เป็นการเล่นให้เร็วขึ้น ไวขึ้น กล้าได้กล้าเสียมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสให้ฮาแลนด์
“สิ่งที่เราทำคือการสร้างโอกาสและผ่านบอลให้กับเขา” เป๊ปบอก
โดยที่หนึ่งในนักเตะที่กำลังมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆคือ เชร์กี ตัวทำเกมดาวรุ่งทีมชาติฝรั่งเศสที่ซื้อมาจากโอลิมปิก ลียง ในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา โดยในเกมล่าสุดกับบอร์นมัธนักเตะวัย 22 ปีคนนี้เป็นคนผ่านบอลให้ฮาแลนด์หลุดเข้าไปยิงได้ 2 ประตู
“ผมรู้จักเอร์ลิง เขาก็รู้จักผม เวลาที่เราเล่นด้วยกันมันเลยง่ายมาก” เชร์กีบอก “งานของผมคือการส่งบอลให้เขา เดี๋ยวเขาจะยิงเอง”
อย่างไรก็ดีแมนฯ ซิตี ยังมีเฌเรมี โดกู ปีกจอมกระชากที่ในฤดูกาลนี้เป็นอีกคนที่เปลี่ยนแปลงตัวเองเยอะมากในสไตล์การเล่น ไม่ได้ปักหลักรอกระชากยึกๆยักๆที่ริมเส้นอย่างเดียว แต่สามารถเล่นได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้นรวมถึงการหุบเข้ามาด้านในด้วย
ฟิล โฟเดน โกลเดนบอยของซิตี ก็อยู่ในช่วงการเรียกฟอร์มการเล่นกลับมาเช่นกัน รวมถึงโอมาร์ มามูช และซาวินโญ ที่กำลังอยู่ระหว่างทางกลับ ไม่นับทิยานี ไรน์เดอร์ส กองกลางไดนาโมที่มีส่วนสำคัญกับทีมอย่างมาก
และอีกคนที่ฝากช่วยกันจับตาดูคือ นิโค โอไรลี แบ็กซ้ายดาวรุ่งจอมเติมที่ยิ่งเล่นก็ยิ่งโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ
นี่คือแมนฯ ซิตี สำหรับอนาคตที่ยิ่งใหญ่ที่มีนักล่าไวกิ้งเป็นศูนย์กลางของทีม
ผลงานที่อาจเป็นชิ้นสุดท้ายสำหรับเป๊ป กวาร์ดิโอลา ก่อนที่จะหมดสัญญากับซิตีในปี 2027


