GWM ประเทศไทย เติมเซกเมนต์ตลาดรถยนต์ในไทย ส่ง TANK500 และ TANK300 ตั้งไทยเป็นฮับผลิตส่งออกทั่วอาเซียน เคาะราคา 1.64-2.26 ล้านบาท
GWM TANK เป็นแบรนด์ย่อยในกลุ่ม GWM โดยเจาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการผจญภัย และมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายเต็มพิกัด โดยปัจจุบันมียอดจำหน่ายในจีนและทั่วโลกแล้วกว่า 300,000 คัน คิดเป็นสัดส่วน 60% ของกลุ่มออฟโรดในจีน
สำหรับประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในโลกที่ได้ใช้ขุมพลัง Hybrid ที่ให้สมรรถนะเร็ว แรง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมฟังก์ชันออฟโรดที่พร้อมลุยและผ่านอุปสรรคได้ทุกรูปแบบ โดย GWM แนะนำ 2 รุ่นอย่าง TANK500 และ TANK300 ที่มาพร้อมแพลตฟอร์ม TANK ที่ออกแบบสำหรับการขับขี่ออฟโรดโดยเฉพาะ รองรับระบบส่งกำลัง 3 แบบคือ เครื่องยนต์ปกติ (ICE) / Hybrid และ Plug-in Hybrid
โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Turbo Hybrid 244 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 106 แรงม้า แรงบิด 268 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบตลอดเวลา และปรับเปลี่ยนตามสภาพถนน มาพร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 11 แบบ นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Front & Rear Electric Differential Locks) ระบบช่วยกลับรถในที่แคบ TANK TURN ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบออฟโรด ระบบตรวจจับความลึกของน้ำ (Wading Depth Detection) และระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent)
นอกจากนี้ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มากถึง 18 ระบบ
เริ่มจาก GWM TANK500 รถ SUV เรือธง มาพร้อมมิติตัวรถใหญ่ทุกด้าน และการตกแต่งที่หรูหรารอบคัน ทั้งกระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ ไฟหน้า Intelligent LED พร้อมระบบเปิด-ปิด ปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ และหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง Follow Me Home ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว บันไดข้างแบบพับ-เก็บ ไฟฟ้า ไฟตัดหมอกด้านหน้าและหลังแบบ LED ขณะที่ด้านหลังถูกออกแบบสไตล์ออฟโรด ด้วยประตูท้ายแบบ Horizontal พร้อมยางอะไหล่ ระบบดูดไฟฟ้าไฟท้าย Vertical LED ไฟเบรกดวงที่สาม
ภายในได้รับการตกแต่งให้หรูหรา ประณีต ด้วยวัสดุสีดำเงา สลับกับโครเมียมและสีเงิน เบาะนั่งหุ้มวัสดุหนัง Nappa พร้อมปรับไฟฟ้าสำหรับผู้ขับขี่ 8 ทิศทาง และผู้โดยสาร 6 ทิศทาง มาตรวัดแบบจอสีขนาด 12.3 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมจอกลางแบบสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมลำโพง Infinity 12 ตำแหน่ง หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ระบบปรับอากาศแบบแยกโซนซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 แผงคอนโซลหน้าและชุดเกียร์แบบ Electronic Shifter สีทูโทน นาฬิกาแบบคลาสสิก โดยกลุ่มลูกค้าของ GWM TANK500 จะอยู่ที่ช่วงอายุ 41-50 ปี อาศัยอยู่ในเมือง เป็นเจ้าของธุรกิจและชื่นชอบการเดินทางไกล ใกล้ชิดธรรมชาติ
ส่วน GWM TANK300 มาพร้อมดีไซน์ BOXY ให้ความโดดเด่นด้วยกระจังหน้าสีดำแบบ Piano Black ไฟหน้าแบบ Intelligent LED ไฟตัดหมอก LED ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง All-Terrain ไฟท้ายแบบ Vertical LED หลังคาซันรูฟ ขณะที่ภายในมาพร้อมมาตรวัดแบบจอ TFT และจอเครื่องเสียงแบบสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ลำโพง Infinity 8 ตำแหน่ง เบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้าเบาะคนขับ ระบบดันหลังไฟฟ้าเบาะคนขับ ระบบระบายอากาศและเบาะหนัง Nappa เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat ส่วนเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง โดยกลุ่มลูกค้าของ GWM TANK300 จะอยู่ที่ช่วงอายุ 31-40 ปีที่ชื่นชอบการผจญภัย
สำหรับราคาของ GWM TANK500 มี 2 รุ่นย่อยคือ รุ่น PRO ราคา 2,049,000 บาท และ ULTRA ราคา 2,269,000 บาท ขณะที่ GWM TANK300 มี 2 รุ่นย่อยคือ รุ่น PRO ราคา 1,649,000 บาท และ ULTRA ราคา 1,799,000 บาท สามารถจับจองได้ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2566 และเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป
