กิลเลอร์โม เดล โตโร (Guillermo del Toro) เจ้าของรางวัลออสการ์ ผู้กำกับยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ The Shape of Water ขึ้นกล่าวหลังรับรางวัลว่า “ผมเป็นผู้อพยพ และสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ศิลปะและวงการของเราสามารถทำได้คือการลบเส้นแบ่งบนผืนทราย ในขณะที่โลกพยายามทำให้เส้นเหล่านั้นลึกและชัดขึ้น” นี่คือสปีชที่ทรงพลัง และทำให้คนทำหนังชาวเม็กซิกันต้องยกให้เขาเป็นต้นแบบ
กิลเลอร์โม เดล โตโร เติบโตที่เมือง Guadalajara ประเทศเม็กซิโก เขาได้เดินทางกลับไปบ้านเกิดครั้งล่าสุดหลังรับรางวัลออสการ์ เพื่อเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์ Guadalajara International Film Festival และยังเปิดสอนมาสเตอร์คลาสแบบฟรีๆ ให้กับเหล่าแฟนๆ เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนทำหนังรุ่นใหม่
Variety ระบุว่า กิลเลอร์โม เดล โตโรแพลนที่จะเปิดคอร์สสอนทำหนังตั้งแต่ก่อนได้รับรางวัลออสการ์ และเมื่อประกาศเกี่ยวกับมาสเตอร์คลาสฟรีครั้งนี้ ก็มีคนจองที่นั่งกว่า 30,000 คนตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก ซึ่งเมื่อเดล โตโรทราบว่าเต็ม เขาก็ตัดสินใจเปิดคลาสใหม่ขึ้นมาอีกเรื่อยๆ โดยที่ผู้เข้าเรียนไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งนั้น
กิลเลอร์โม เดล โตโรยังถือโอกาสร่วมพิธีเปิดโรงภาพยนตร์แห่งใหม่ในเมือง Guadalajara ที่ใช้ชื่อว่า Guillermo del Toro Theater ตามชื่อของเขาด้วย เท่านั้นยังไม่พอ เดล โตโรได้เปิดตัวกองทุนที่ใช้ชื่อว่า Jenkins-Del Toro International Film Scholarship เพื่อให้ทุนการศึกษากับคนทำหนังชาวเม็กซิกันรุ่นใหม่ที่ต้องการเรียนต่อต่างประเทศด้านการทำภาพยนตร์ในวิทยาลัยภาพยนตร์โดยเฉพาะ ซึ่งผู้ที่ชนะทุนการศึกษาแต่ละปีจะได้เงินจำนวน 60,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,800,000 บาทไทย เพื่อเรียนต่อด้านภาพยนตร์
กิลเลอร์โม เดล โตโรกล่าวในงานดังกล่าวว่า “ถ้าเราเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ เราจะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ และเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงเจเนอเรชันได้ …แรงผลักดันแรกนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก” โดยเขายังประกาศตัวที่จะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินมอบทุนการศึกษาให้กับคนทำหนังในแต่ละปีที่งาน Guadalajara International Film Festival ด้วย
และล่าสุด กิลเลอร์โม เดล โตโรกำลังจะมีนิทรรศการ At Home with Monsters ซึ่งจะจัดแสดงในเมือง Guadalajara และ Mexico City ในปีหน้า โดยในงานจะเป็นการรวบรวมผลงานภาพวาด งานระบายสี และผลงานคอนเซปต์ดีไซน์ของ กิลเลอร์โม เดล โตโร กว่า 500 ชิ้น รวมถึงรูปปั้นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ด้วย โดยได้ curator ฝีมือรางวัลออสการ์สาขา Production Design อย่าง Eugenio Caballero มาช่วยจัดแสดงงาน