จี สตีล และ จี เจ สตีล ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ บริษัทลูกเครือนิปปอน สตีล หารือ BOI เตรียมขอส่งเสริมลงทุนปรับปรุงสายการผลิตครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี มูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท มุ่งยกระดับศักยภาพการผลิตเหล็กในไทย ก้าวสู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ พร้อมผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางการผลิตเหล็กเพื่อส่งออกตลาดอาเซียนและยุโรป หวังช่วยฟื้นสถานการณ์หลังเหล็กจีน Oversupply ถล่มอุตสาหกรรมเหล็กไทย
วันนี้ (29 สิงหาคม) นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยว่า ผู้บริหารของ บมจ.จี สตีล และ บมจ.จี เจ สตีล ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนครบวงจรรายใหญ่ในประเทศไทย ที่ถือหุ้นหลักโดยบริษัท นิปปอน สตีล คอร์ปอเรชั่น จากประเทศญี่ปุ่น เข้าหารือกับ BOI เพื่อลงทุนปรับปรุงสายการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี ด้วยมูลค่าลงทุนกว่า 4,500 ล้านบาท ภายในระยะ 3 ปีข้างหน้า
ประกอบด้วยการลงทุนของ บมจ.จี สตีล ที่จังหวัดระยอง 3,000 ล้านบาท และ บมจ.จี เจ สตีล ที่จังหวัดชลบุรี 1,500 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงเครื่องจักรให้ทันสมัย พัฒนาคุณภาพและขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายยิ่งขึ้น ยกระดับสายการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตเหล็กที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ รวมถึงการพัฒนาระบบจัดการวัตถุดิบเหล็กรีไซเคิลเพื่อลดต้นทุน และเพิ่มความคล่องตัวในกระบวนการผลิต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- จับตาดีล Nippon Steel เทกโอเวอร์ U.S. Steel กับอำนาจ ‘โจ ไบเดน’…
- โรงงานทยอยปิดตัวไปทีละราย คนไทยตกงานแล้วกว่า 40,000 คน สัญญาณอันตรายกำลังบอกอะไร
- เหตุใดสินค้าจีนทะลัก ส่งออกเริ่มหมดแรง แบกเศรษฐกิจไทยไม่ไหว แม้แต่ ‘ข้าวไทย’ ยังเสี่ยง…
- ไหวไหมเศรษฐกิจไทย? ส่งออกไม่ฟื้น ภาคการผลิตทรุด โรงงานแห่ปิดตัวกว่า 1,700 แห่ง
ทั้งนี้ กลุ่มนิปปอน สตีล คอร์ปอเรชั่น (NSC) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของจี สตีล และจี เจ สตีล เป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ได้ก่อตั้งสายการผลิตแรกในประเทศไทยมากว่า 60 ปี เริ่มจากการผลิตท่อเหล็กก่อนขยายสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยมีบริษัทในเครือกว่า 30 แห่ง มีพนักงานในไทยรวมกันกว่า 8,000 คน และเมื่อปี 2565 ได้เข้าร่วมลงทุนใน บมจ.จี สตีล และ บมจ.จี เจ สตีล ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของไทย
ปัจจุบันกลุ่มบริษัทจี สตีล และจี เจ สตีล เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเหล็กแผ่นรีดร้อนครบวงจรแห่งเดียวในประเทศไทย และเป็นกลุ่มบริษัทเดียวที่ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า (Electric Arc Furnace) ซึ่งมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ และยังเป็นผู้รีไซเคิลเศษเหล็กรายใหญ่ในประเทศไทย ที่ได้รับใบรับรองคาร์บอนฟุตพรินต์จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนการก้าวสู่อุตสาหกรรมสีเขียวของไทย และสอดรับกับทิศทางความต้องการผลิตภัณฑ์เหล็กที่ปลดปล่อยคาร์บอนต่ำในตลาดโลก
หวังฟื้นสถานการณ์หลังเหล็กจีน Oversupply ถล่มอุตสาหกรรมเหล็กไทย
สำหรับประเทศไทยมีการใช้เหล็กต่อคน (Steel Consumption per Capita) มากที่สุดในอาเซียน คือประมาณ 234 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ปัจจุบันมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กในประเทศไทยประมาณ 180 ราย แบ่งเป็นเหล็กทรงยาวประมาณ 100 ราย และเหล็กทรงแบนประมาณ 80 ราย
โดยส่วนใหญ่เป็นการผลิตเหล็กเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง 60% รองลงมา ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน 20% เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 7% เครื่องจักรและอุปกรณ์อุตสาหกรรม 5% และบรรจุภัณฑ์ 5% และอื่นๆ
“ที่ผ่านมาตลาดเหล็กในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการแข่งขันอย่างรุนแรงจากภาวะ Oversupply และการเร่งระบายเหล็กจากประเทศจีนออกสู่ตลาดโลก การที่กลุ่มจี สตีล และจี เจ สตีล ตัดสินใจขยายการลงทุนในครั้งนี้จะเป็นการยกระดับขีดความสามารถและประสิทธิภาพการผลิตของบริษัทเหล็กในประเทศไทย รวมถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอน ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญของกติกาการค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะตลาดกลุ่มยุโรปในอนาคต” นฤตม์กล่าว