เหรียญมีมคริปโต ‘GROK’ ที่ถูกสร้างขึ้นตามแชตบอต AI ของ อีลอน มัสก์ ร่วงมากกว่า 70% หลังมีข่าวว่านักพัฒนามีความเกี่ยวข้องกับการ Rug Pull ในโปรเจกต์คริปโตเคอร์เรนซีอื่นมาก่อน
เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (14 พฤศจิกายน) เหรียญมีมคริปโต GROK ที่ถูกสร้างขึ้นตามแชตบอต ‘Grok AI’ (Artificial Intelligence) ของบริษัท xAI ที่ก่อตั้งขึ้นโดย อีลอน มัสก์ ร่วงมากกว่า 70% คิดเป็นการเสียมูลค่าตามตลาดกว่า 100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.5 พันล้านบาท หลังพบว่าผู้สร้างเหรียญ GROK มีข่าวเกี่ยวโยงกับการ Rug Pull ในโปรเจกต์คริปโตอื่นมาก่อน ทั้งนี้ เหรียญดังกล่าวและแชตบอต AI ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ร่วมกัน
จากข้อมูลเผยว่า เหรียญ GROK มีการปรับตัวขึ้นมากว่า 13,000% หลังการเปิดตัวเพียงแค่ 9 วัน ทำผลตอบแทนเอาชนะเหรียญมีมอื่นๆ อย่าง PepeCoin (PEPE) หรือ HarryPotterObamaSonic10Inu (BITCOIN) ไปได้
ทำให้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (13 พฤศจิกายน) เหรียญ GROK สามารถทำมูลค่าตามตลาดแตะ 150 ล้านดอลลาร์ และมีผู้ถือเหรียญ 13,000 ราย ด้วยมูลค่าการซื้อ-ขายกว่า 25 ล้านดอลลาร์บน DEX (Decentralized Exchange)
ก่อนที่บัญชีผู้ใช้ @ZachXBT จะไปพบว่า นักพัฒนาของเหรียญ GROK มีความเกี่ยวข้องกับบัญชีคริปโตที่เคย Rug Pull โปรเจกต์คริปโตอื่นๆ ก่อนหน้า หรือโปรเจกต์คริปโตที่ถูกทำการตลาดแล้วเทขายเพื่อทำกำไรจากรายย่อย
ซึ่ง @ZachXBT ได้พิมพ์ข้อความไว้ว่า “คนในแวดวงนี้อาจไม่ได้สนใจ แต่เหรียญ GROK ถูกสร้างขึ้นโดยพวกต้มตุ๋น” พร้อมทั้งแนบหลักฐานว่านักพัฒนาของเหรียญดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับโปรเจกต์ ANDY Token และมีการเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ใน Telegram หลายต่อหลายครั้ง
จากข้อมูลของ DEXTools พบว่า เหตุการณ์นี้ทำให้ราคาเหรียญ GROK ร่วงลงอย่างรวดเร็วมากกว่า 70% โดยมีผู้ถือเหรียญรายใหญ่รายหนึ่งเทขายเหรียญดังกล่าวมูลค่ากว่า 30,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1 ล้านบาท ในทันที พร้อมกับมีปริมาณการซื้อ-ขายทะลุ 100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.5 พันล้านบาทอย่างรวดเร็ว
แต่ทั้งนี้ ผู้ใช้งานบางรายกลับมองว่า @ZachXBT เป็นการ ‘FUD’ หรือการสร้างกระแสข่าวให้ผู้ถือเหรียญกลัวกันเองก็เท่านั้น เพื่อจะได้รอช้อนซื้อในราคาถูก พร้อมทั้งมีบางความเชื่อว่าเหรียญ GROK อาจจะเป็น Shiba Inu (SHIB) เหรียญต่อไป
ทางเหล่าผู้พัฒนาเหรียญ GROK ก็เร่งแก้ปัญหาการร่วงของมูลค่าโดยการ ‘เผาเหรียญ’ ด้วยวิธีการโอนเหรียญเข้าบัญชีปิดตายมูลค่า 1.7 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 60 ล้านบาท เพื่อลดอุปทานของเหรียญแบบทันที
อ้างอิง: