เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ทุ่งมหาเมฆ ซ่อนกลิ่น อายุ 82 ปี พร้อมบุตรชาย เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ จากกรณีที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้โอนเงิน ซึ่งเสียหายประมาณ 2,580,000 บาท และได้แจ้งความไว้แล้วเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ซ่อนกลิ่นต้องเดินขึ้นบันไดไปพบพนักงานสอบสวนที่ชั้น 3 เพื่อให้ปากคำ โดยมีลูกชายคอยช่วยพยุงหลังให้เป็นระยะ
ด้าน ตระกูล บุตรชายของซ่อนกลิ่น เล่าเหตุการณ์ว่า ลูกๆ เพิ่งทราบเหตุว่าแม่ลูกหลอกเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม หลังลูกชายโทรมาเล่าว่าย่าขอยืมเงิน ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติ จนได้พยายามสอบถามสาเหตุจึงยอมเล่าว่าบัญชีถูกล็อก หลังถูกตำรวจและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ติดต่อมาและขอตรวจสอบบัญชี ทำให้รู้ว่านี่คือแผนหลอกลวงของมิจฉาชีพ เมื่อตรวจสอบบัญชีก็พบว่า เงินฝากสองบัญชีของแม่ถูกถอนและโอนออกไปทั้งหมด เสียหายไปประมาณ 2,580,000 บาท
ขณะเดียวกันเมื่อย้อนดูประวัติการใช้โทรศัพท์พบว่า คอลเซ็นเตอร์โทรมาหาแม่เมื่อวันที่ 14 กันยายน หลอกลวงเรื่องการส่งพัสดุต้องสงสัย และเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ต้องให้ ปปง. ตรวจสอบการเงิน จากนั้นมิจฉาชีพก็เริ่มสอนให้แม่เปิดแอปพลิเคชันของธนาคาร จนเปิดสำเร็จไป 1 ธนาคาร
ตระกูลกล่าวต่อว่า หลังเปิดแอปของธนาคารได้ มิจฉาชีพก็ทดลองโอนเงิน 100 บาทในวันที่ 15 กันยายน ต่อมาวันที่ 16 กันยายนได้โอนอีก 2 รอบ รอบละ 1 ล้านบาท ส่วนอีกธนาคารเป็นการถอนเงินสดครั้งละ 20,000 บาท และโอนเข้าบัญชีธนาคารที่เปิดแอป จนสุดท้ายก็หมดบัญชี
เมื่อครอบครัวตรวจสอบประวัติรายการโอนเงิน พบการโอนออกไปทั้งหมดรวม 20 ครั้ง ซึ่งปลายทางรับเงินมี 13 บัญชี ซึ่งขณะนี้ทราบว่าตำรวจกำลังประสานอายัดบัญชีทั้ง 13 บัญชีไว้แล้ว และได้ส่งหนังสือขอชื่อเจ้าของบัญชีจากธนาคาร เพื่อรวบรวมเป็นหลักฐานในการร้องขอหมายจับจากศาล
ตระกูลระบุว่า สภาพจิตใจของแม่ตอนนี้เครียดมากและยังเสียใจมากที่สูญเงินเก็บทั้งหมดไป เพราะเป็นเงินใช้จ่ายประจำวันและค่าดูแลรักษาพ่อซึ่งป่วยติดเตียงและเป็นอัลไซเมอร์ โดยแม่เขียนจดหมายสั่งลาและกินยานอนหลับไป 40 เม็ด แต่ลูกหลานช่วยเหลือไว้ได้ทัน
ส่วนที่แม่ไม่ได้บอกลูกๆ ตั้งแต่แรก เพราะมิจฉาชีพห้ามไม่ให้บอกใคร โดยวางอุบายว่าลูกๆ จะถูกตรวจสอบไปด้วย