ชาวอิสราเอลหลายแสนคนในเมืองสำคัญทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเมืองเทลอาวีฟ ออกมาชุมนุมประท้วงใหญ่เมื่อวานนี้ (11 มีนาคม) เพื่อต่อต้านแผนปฏิรูประบบตุลาการของรัฐบาลอิสราเอลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เพื่อจำกัดอำนาจของศาลสูงสุด โดยการชุมนุมประท้วงนี้เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 10 แล้ว และคาดการณ์ว่าเป็นหนึ่งในเหตุชุมนุมประท้วงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อิสราเอล
หนึ่งในบรรดาผู้ชุมนุมประท้วงให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศว่า “ผมกำลังมาร่วมชุมนุม เนื่องจากแนวทางของรัฐบาลอิสราเอลชุดใหม่นี้เป็นภัยคุกคามต่อระบอบประชาธิปไตยของอิสราเอล” ขณะที่ผู้ร่วมชุมนุมอีกคนหนึ่งแสดงความเห็นว่า “นี่ไม่ใช่การปฏิรูประบบตุลาการ แต่เป็นการปฏิวัติที่จะเปลี่ยนแปลงให้อิสราเอลเป็นประเทศเผด็จการโดยสมบูรณ์ และผมต้องการให้อิสราเอลยังเป็นประเทศประชาธิปไตย เพื่อลูกหลานของผม”
แผนปฏิรูประบบตุลาการนี้ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง นอกจากจะจำกัดอำนาจของศาลสูงสุดอิสราเอลแล้ว ยังเปิดโอกาสให้รัฐบาลอิสราเอลเป็นผู้คัดเลือกผู้ที่จะมาทำหน้าที่ผู้พิพากษาในศาลสูงสุด รวมถึงถ่ายโอนอำนาจไปให้รัฐสภา 120 ที่นั่ง สามารถลงมติลบล้างคำตัดสินของศาลสูงสุดได้ หากได้รับมติเสียงข้างมากตั้งแต่ 61 เสียงขึ้นไป
หลายฝ่ายมองว่าแผนปฏิรูปนี้จะทำลายระบบตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจในอิสราเอล และยังสะท้อนถึงความพยายามรวมอำนาจเบ็ดเสร็จของรัฐบาลฝ่ายขวาสุดโต่งไว้ที่นายกรัฐมนตรีและพันธมิตร โดยเนทันยาฮูชี้แจงว่า ความพยายามในการปฏิรูประบบตุลาการในครั้งนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีที่เขาถูกกล่าวหาว่าเข้าไปพัวพันกับคดีคอร์รัปชันแต่อย่างใด
โดยปมปัญหาในครั้งนี้จะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับการเมืองในอิสราเอลต่อไปจนกว่าจะได้ข้อสรุป
ภาพ: Amir Levy / Getty Images
อ้างอิง: