×

โกรัน ปานเดฟ ‘ม้าศึกแห่งมาซิโดเนีย’ นักฟุตบอลที่ไม่ได้เป็นแค่กัปตันทีม แต่เป็นผู้นำของคนทั้งชาติ

22.06.2021
  • LOADING...
โกรัน ปานเดฟ

HIGHLIGHTS

5 mins. read
  • เกมกับเนเธอร์แลนด์เมื่อคืนนี้คือการรับใช้ทีมชาติครั้งสุดท้ายของ โกรัน ปานเดฟ หลังลงเล่นให้มาซิโดเนียมากว่า 20 ปี
  • ปานเดฟเคยประกาศอำลาทีมชาติไปแล้วครั้งหนึ่งในปี 2014 แต่ถูกชักชวนให้กลับมาช่วยเหลือทีมมาซิโดเนียอีกครั้ง และกลายเป็นฮีโร่ในการพาทีมเข้ามาถึงฟุตบอลยูโร 2020 ได้สำเร็จ
  • ถึงแม้มาซิโดเนียเหนือจะไม่สามารถคว้าแต้มได้เลยจาก 3 นัดในรอบแรก แต่อย่างน้อยประตูของปานเดฟก็นับเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเขาแล้ว
  • ปานเดฟไม่ได้อยากเป็นแค่ฮีโร่ แต่เขาอยากมีส่วนช่วยสร้างชาติด้วย โดยลงทุนสร้างสโมสรฟุตบอลและอคาเดมีที่จะเป็นโรงงานผลิตนักเตะดาวรุ่งอนาคตไกลขึ้นมาอีกมากมายในอนาคต

บางทีมันอาจเป็นเพราะโชคชะตากำหนดมา ทำให้นักเตะออสเตรียเคลียร์บอลไม่ขาด และ แดเนียล บัคมันน์ ผู้รักษาประตูเองก็พลาดรับบอลไม่อยู่

 

ลูกบอลนั้นมาตกตรงหน้าของ โกรัน ปานเดฟ ที่เก็บบอลที่เหมือนมีใครสักคนบนฟ้าเอามาวางไว้ให้ ก่อนที่จะส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายโล่งๆ ด้วยเท้าซ้ายข้างถนัดของเขา

 

มันอาจจะไม่ได้เป็นประตูที่สวยงามอะไรนัก แต่สำหรับปานเดฟและชาวมาซิโดเนียเหนือแล้ว นี่คือประตูที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนี่คือประตูแรกของเขาและพวกเขาในรายการฟุตบอลระดับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ไกลเกินเอื้อมและเหนือจินตนาการมาก่อน แต่วันนี้มันคือความจริงที่เกิดขึ้นจริงไม่ใช่ความฝัน

 

ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อน ในวันที่ อิกอร์ อังเจลอฟสกี เข้ามารับตำแหน่งโค้ชของทีมชาติมาซิโดเนีย (ในขณะนั้น) พวกเขาเป็นชาติเล็กๆ ที่เคยอยู่ในอันดับต่ำสุดถึง 162 ใน FIFA Ranking และแทบไม่มีความหวังอะไรเลยในเรื่องของเกมฟุตบอล

 

เช่นกันกับเรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งชาวมาซิโดเนียนนั้นลำบากยากแค้นมากที่สุดชาติหนึ่งในบรรดาชาติกำลังพัฒนาในยุโรป

 

ประเทศของพวกเขาเพิ่งจะมีอายุแค่ 30 ปีเท่านั้น และยังไม่อาจหลุดจากอดีตที่เหนี่ยวรั้งทั้งชีวิตและความฝันเอาไว้จากเงาของอดีตยูโกสลาเวีย

 

อย่างไรก็ดี อังเจลอฟสกีเชื่อว่ามาซิโดเนียไม่สิ้นคนดี และมีคนเดียวที่จะสามารถนำพาทีมฟุตบอลและนำความสุขกลับมาให้แก่คนทั้งชาติเท่านั้น เพียงแต่เขาจำเป็นต้องลองดูก่อนและก็ไม่มีอะไรจะเสียสักหน่อย

 

คนที่กุนซือใหม่ของมาซิโดเนียคิดถึงคือ โกรัน ปานเดฟ กองหน้าหมายเลขหนึ่งของชาติที่เป็นหนึ่งในดวงดาราที่เฉิดฉายอยู่ในวงการฟุตบอลอิตาลี ครั้งหนึ่งเคยคว้า ‘เทรเบิลแชมป์’ ร่วมกับ โชเซ มูรินโญ ในทีมอินเตอร์ มิลาน

 

เวลานั้นปานเดฟเพิ่งจะอำลาทีมชาติไปเมื่อปี 2014 ด้วยวัยเพียง 30 ปี ซึ่งเร็วเกินไปสำหรับคนที่เป็นนักฟุตบอลอันดับหนึ่งของประเทศที่สามารถทำประโยชน์ให้กับทีมได้อีกมาก

 

การเดินทางของอังเจลอฟสกีเพื่อไปพบกับปานเดฟที่เจนัวในปี 2015 จึงเป็นการเดินทางสำคัญอย่างยิ่ง

 

โชคดีที่บทสนทนาระหว่างเขาและดาวยิงซ้ายธรรมชาติเป็นไปด้วยดี ปานเดฟตัดสินใจยอมรับคำขอร้องและกลับมารับใช้ทีมชาติมาซิโดเนียอีกครั้ง โดยสิ่งที่เกิดขึ้นในอีก 6 ปีต่อมาคือความสำเร็จที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้คาดคิดเหมือนกัน

 

มาซิโดเนียซึ่งเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นมาซิโดเนียเหนือในปี 2019 ค่อยๆ พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น อันดับโลกของพวกเขาไต่ขึ้นมาถึง 100 อันดับในปัจจุบัน และสามารถคว้าสิทธิ์ในการร่วมแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ได้

 

โดยจากที่ไม่เคยมีความหวังมาก่อน แต่เพราะมีรายการยูฟ่าเนชันส์ลีกรายการใหม่ซึ่งมีการ ‘เปิดประตู’ ให้ทีมจากชาติเล็กๆ ได้มีโอกาสลุ้นผ่านรอบคัดเลือกมาได้นั้นเป็นเส้นทางที่อังเจลอฟสกี ปานเดฟ และมาซิโดเนียเหนือเลือกใช้

 

พวกเขาได้สิทธิ์ในการเล่นเพลย์ออฟกับทีมในระดับใกล้เคียงกันอย่างเบลารุส, โคโซโว และจอร์เจีย โดยเกมสำคัญที่ทำให้พวกเขาสามารถคว้าตั๋วมายูโร 2020 ได้ก็คือเกมที่เอาชนะจอร์เจียได้ถึงถิ่นที่ทบิลิซีด้วยสกอร์ 1-0

 

ผู้ทำประตูโทนในเกมวันนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกองหน้าหมายเลขหนึ่งอย่างปานเดฟ

 

หลังทำประตูและคว้าชัยชนะได้เขาก็ทรุดลงไปกับพื้นและหลั่งน้ำตาแห่งความปีติออกมาอย่างไม่อายใคร

 

เด็กหนุ่มผู้เกิดในเดือนกรกฎาคมของปี 1983 ในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อ Strumica เมืองที่อยู่ห่างจากชายแดนของกรีซและบัลแกเรียแค่ 20 ไมล์ ทำความฝันของคนทั้งชาติให้กลายเป็นความจริงได้ในที่สุด

 

“ผมจำเขาในการซ้อมวันแรกได้” ยูโกสลาฟ เทรนชอฟสกี หนึ่งในโค้ชคนแรกของเขาในทีมเยาวชนเล็กๆ ที่ชื่อเบลาสิกาเล่าความหลัง “บรรดาโค้ชมีการประชุมกันทันที และทุกคนเห็นตรงกันว่าเขาเป็นเด็กที่มีทักษะสูงมาก เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ และเขาจะกลายเป็นนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่”

 

 

 

ปานเดฟ ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในนาทีที่ 68 โดยเพื่อนร่วมทีมตั้งแถวเกียรติยศให้ เป็นภาพที่ประทับใจแฟนบอลทั่วโลก

 

สิ่งที่โค้ชจากเบลาสิกาประเมินนั้นไม่ได้ผิดไปจากความจริง เพราะปานเดฟเปล่งประกายอย่างเจิดจ้าจนแม้แต่สโมสรในอิตาลียังต้องรีบฟังคำแนะนำจากบรรดาแมวมองที่เห็นฟอร์มของเขา ซึ่งร่วมแข่งในทัวร์นาเมนต์อันโด่งดังในระดับบอลเด็กอย่างวีอาเรจโจ เขาก็กลายเป็นนักเตะที่สโมสรใหญ่ในอิตาลีหมายปอง และเป็นอินเตอร์ มิลานที่ได้ตัวเขาไปก่อนเพื่อน

 

ปานเดฟมาแจ้งเกิดแบบเต็มๆ กับลาซิโอในช่วงปี 2004-2009 ก่อนที่จะกลับมายังทีมเนรัซซูรีอีกครั้ง และเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยพาทีมคว้า 3 แชมป์อย่างยิ่งใหญ่ก่อนที่สโมสรจะเข้าสู่ยุคมืดในช่วงทศวรรษต่อมา

 

หลังจากนั้นคือช่วงเวลาขาลงของปานเดฟด้วยวัยและฟอร์มการเล่น เพียงแต่ทักษะในการเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการ ‘ล่องหน’ เล่นเหมือนไม่ได้อยู่ในความสนใจ แต่พร้อมจะโผล่มาถูกที่ถูกเวลา (เหมือนในประตูที่ยิงใส่ออสเตรีย) ทำให้เขายังยืนหยัดในเกมฟุตบอลระดับสูงได้ถึงทุกวันนี้ ในวันที่เขาพาทีมชาติของเขาก้าวมาถึงฟุตบอลยูโรได้

 

อย่างไรก็ดี ปานเดฟไม่ได้ทำเพียงแค่นี้เพื่อประเทศชาติ เพราะความจริงเขาเป็นมากกว่าแค่นักฟุตบอลคนหนึ่ง

 

ในเรื่องการกีฬาในฐานะของคนที่ประสบความสำเร็จและพอมี ‘กำลัง’ เขาตัดสินใจกลับมาช่วยเบลาสิกา สโมสรแรกในชีวิตที่กำลังลำบากตามคำร้องขอของเทรนชอฟสกี

 

เทรนชอฟสกีเล่าถึงสิ่งที่ปานเดฟบอกเขา “เรามาทำงานด้วยกันเถอะ ผมอยากใช้เงินที่ทำให้ผมร่ำรวยเอามาใช้กับเกมฟุตบอล กับเมืองของผม กับเด็กๆ ของพวกเรา และประเทศของผม”

 

เบลาสิกาเปลี่ยนชื่อเป็น อคาเดมิยา ปานเดฟ (Akademija Pandev) โดยปานเดฟสนับสนุนค่าใช้จ่ายถึง 50 เปอร์เซ็นต์ สร้างศูนย์ฝึกขนาดใหญ่รองรับทีมชุดใหญ่และทีมเยาวชนอีก 13 ทีม และชวน ‘ครู’ คนแรกของเขา อิลิยา มาตินิชารอฟ กลับมาร่วมมือกับเขาและเทรนชอฟสกีในการสร้างสโมสรแห่งนี้ให้ดีที่สุดด้วย

 

ด้วยเจตนาที่ดีและความตั้งใจจริงทำให้สโมสรแห่งนี้ก็เติบโตก้าวหน้าอย่างรวดเร็วโดยในฤดูกาล 2019-20 ที่ผ่านมาทีมนี้ได้ลงแข่งในรายการยูโรปาลีกรอบคัดเลือกด้วยหลังจากที่คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยในประเทศแม้ว่าจะพ่ายต่อซรินสกี โมสตาร์ แต่อนาคตของพวกเขาก็น่าจับตามอง เพราะนักเตะส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ย 21 ปีครึ่งเท่านั้น

 

เด็กๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นอนาคตของอคาเดมิยา ปานเดฟ แต่เป็นอนาคตของมาซิโดเนียเหนือ และนั่นทำให้คนที่รู้จักปานเดฟเป็นอย่างดีอดตื้นตันใจไม่ได้

 

“สิ่งที่ประเทศลงทุนกับปานเดฟ ตอนนี้ปานเดฟได้มอบมันกลับมาให้ประเทศแล้ว” ดรากี คานัตลารอฟสกี โค้ชที่ให้โอกาสเขาติดทีมชาตินัดแรกกล่าวด้วยความชื่นชม “ทุกคนรู้ดีว่าเขาทำอะไร เขาคือแบบอย่างของทุกคน”

 

แต่ถึงจะยิ่งใหญ่แค่ไหนปานเดฟก็ยังคงเป็นปานเดฟคนเก่าคนเดิม คนที่อ่อนน้อมถ่อมตนและเป็นที่รักของทุกคน

 

เดลิโอ รอสซี อดีตโค้ชของเขาที่ลาซิโอบอกว่ากองหน้าผู้นี้เป็นคนประเภทที่หาได้ยากในเกมลูกหนัง

 

“ในโลกฟุตบอลจะมีคนอยู่ 2 ประเภท” รอสสซีเล่า “98 เปอร์เซ็นต์จะเป็นคนที่ต้องการการกระตุ้น ต้องการการปลุกเร้า พร้อมจะโทษคนอื่นเวลาที่อะไรไม่เป็นดังใจ

 

“แต่จะมีคนอีก 2 เปอร์เซ็นต์ที่จะไม่สนใจแรงกดดันหรือรู้สึกอะไรเวลาเจอเกมท่ียากต่อให้เป็นแมตช์ใหญ่แค่ไหน คนพวกนี้ไม่เคยกลัวอะไรเลย และโกรันเป็นคนประเภทนี้”

 

อย่างไรก็ดี ทุกอย่างมีเกิดมีดับ ปานเดฟเองปัจจุบันอายุ 37 ปี และเขาจะอายุครบ 38 ปีในเดือนหน้าแล้ว เรี่ยวแรงกำลังวังชาของเขาแทบไม่เหลือ เพราะถึงรายการหน้าคือฟุตบอลโลก 2022 โค้ชจะอยากเรียกตัวเขามาช่วย แต่ตอนนั้นเขาจะอายุ 39 ย่าง 40

 

“ผมอาจจะหนักกว่านี้สัก 15 กิโลกรัม” ปานเดฟกล่าวแบบขำๆ

 

 

 

โกรัน ปานเดฟ ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับทีมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเกมกับเนเธอร์แลนด์

 

ถึงมาซิโดเนียเหนือจะไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลยในยูโรหนนี้ แต่อย่างน้อยการได้มาถึงครั้งหนึ่งหมายถึงโอกาสที่ทีมจะกลับมาได้อีกในอนาคต และเวลานี้ทีมก็มีนักเตะสายเลือดใหม่อย่าง เอลจีฟ เอลมาส, เบนิส บาร์ดี รวมถึงนักเตะที่เล่นในลีกชั้นนำของยุโรปอีกหลายคน (เอซกาน อลิโอสกี ของลีดส์ ยูไนเต็ดก็ใช่)

 

ปานเดฟได้ถางทางให้เด็กๆ เหล่านี้ได้ก้าวเดินตามเขามาแล้ว และเขาเชื่อว่ารุ่นหลังจากนี้จะก้าวแซงเขาไปได้อย่างแน่นอน รวมถึงประเทศมาซิโดเนียเหนือก็ได้รับแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่จากเขาและนักเตะทีมชาติที่จะทำให้สู้ต่อไปเพื่อไปสู่วันที่สวยงามในอนาคต

 

เกมกับเนเธอร์แลนด์จึงเป็นบทสรุปเส้นทางของนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งจากชาติเล็กๆ ที่ทำอย่างสุดความสามารถที่จะพาทีมมาได้ไกลที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว

 

มันเป็นบทสรุปของชีวิตที่งดงาม หน้าที่ของ ‘ม้าศึก’ ผู้กรำสงครามมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำได้สิ้นสุดแล้ว ที่เหลือหลังจากนี้คือการช่วยเหลือประเทศชาติในทางอื่นต่อไป

 

“โกรันมีพลังพิเศษ เขาสามารถดึงดูดคนเข้ามาหาเขาได้” เทรนชอฟสกีกล่าวสรุปถึงยอดนักเตะในตำนานตลอดกาล

 

“เขาไม่เพียงแค่เป็นผู้นำในทีมชาติ แต่ยังเป็นผู้นำของชาติด้วย”

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า 

อ้างอิง:

FYI
  • โกรัน ปานเดฟ มีอายุมากกว่าประเทศของเขาเสียอีก…
  • นับจากจุดเริ่มต้นในการรับใช้ทีมชาติในปี 2001 ในเกมที่มาซิโดเนียเสมอตุรกี 3-3 เขาเล่นให้ทีมชาติมา 122 นัด ทำได้ 38 ประตู และผ่านการเล่นให้โค้ชทีมชาติมากว่า 14 คน
  • ในปี 2018 เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า “พร้อมจะแลกถ้วยรางวัลความสำเร็จทุกอย่าง เพื่อขอให้ได้แข่งในยูโรสักครั้ง” ซึ่งเขาทำสำเร็จจริงๆ
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising