สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า หลังจากที่บริการบริหารจัดการความมั่งคั่ง (Wealth Management) ของ Goldman Sachs จำกัดอยู่แต่ในกลุ่มคนระดับบนเท่านั้นมานานหลายทศวรรษ ในที่สุดสถาบันการเงินชั้นนำระดับโลกแห่งนี้ก็เตรียมเปิดบริการดังกล่าวให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น
โดยในอีเมลที่ทาง CNBC ได้รับ ระบุว่า Goldman Sachs ได้เริ่มการทดสอบระบบใหม่ของบริการการลงทุนอัตโนมัติ ซึ่งเป็นบริการบนดิจิทัลที่เรียกว่า Marcus Invest ภายในบริษัทแล้ว โดยเป็นการทดสอบภายในบริษัท ก่อนหน้าที่จะเปิดตัวใช้วงกว้างในช่วงต้นปีหน้า
รายงานระบุว่า พนักงานที่เข้าร่วมจะจ่ายค่าธรรมเนียมบริหารจัดการรายปีที่ 0.15% ซึ่งอัตราดังกล่าวเป็นอัตราสำหรับพนักงานเท่านั้น ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการนำมาออกใช้จริง ทาง Goldman Sachs จะกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมไว้ที่เท่าไร แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าไม่น่าจะแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดอย่าง Morgan Stanley ที่คิดค่าบริหาร 0.35% และ Merrill Division ของ Bank of America ที่ 0.45%
สำหรับการทดสอบระบบบริการใหม่ในหมู่พนักงานบริษัท มีขึ้นเพื่อรับฟังความคิดเห็นที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบ ก่อนที่จะเปิดตัวสู่สาธารณะในช่วงไตรมาสแรกของปี 2021
ความเคลื่อนไหวของ Goldman Sachs ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างล่าสุดที่บรรดาสถาบันการเงินชั้นนำปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อขยายฐานตลาดเข้าสู่บริการทางการเงินในระดับบุคคลมากขึ้น เพื่อสร้างช่องทางทำรายได้ใหม่ๆ จากเดิมที่แต่ก่อนมุ่งเน้นไปที่กลุ่มนักลงทุนสถาบัน ผู้มีอันจะกิน พนักงานระดับสูง และนักลงทุนสถาบัน
นอกจากนี้ Goldman Sachs ยังคาดหวังว่า การขยายการเข้าถึงบริการ Wealth Management จะเป็นไปในวงกว้างมากขึ้น โดยแต่เดิมบริการดังกล่าวจะเปิดให้เฉพาะผู้ที่มีสินทรัพย์พร้อมลงทุนอย่างน้อย 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่ในปีที่แล้วที่ทาง Goldman Sachs จะเข้าไปลงทุนใน United Capital บริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ เพื่อสนับสนุนการบริการบริหารจัดการสินทรัพย์และการลงทุน ให้รองรับเศรษฐีหลักล้าน แต่ไม่ถึงหลักสิบล้าน
ในเมโมที่ทาง Goldman Sachs ส่งถึงพนักงานระบุว่า บัญชีในระบบ Marcus Invest สามารถเริ่มต้นด้วยเงินเพียง 1,000 ดอลลาร์ โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกพอร์ตการลงทุน 3 แบบ ประกอบด้วยการลงทุนในกองทุนรวมอีทีเอฟของ Goldman Sachs และพอร์ตการลงทุนของผู้ให้บริการจากภายนอก
ขณะเดียวกัน ทาง Goldman Sachs ยังเตรียมนำเสนอเครื่องมือทางการเงินส่วนบุคคล อย่าง Marcus Insights บนแอปพลิเคชันและออนไลน์อีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ ท่ามกลางคู่แข่งที่ออกบริการออกมาคล้ายคลึงกันโดยมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ประชาชนคนชนชั้นกลางในสังคม Goldman Sachs กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้บริการของตนเองแตกต่างและโดดเด่นกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ในตลาดก็คือ Intellectual Firepower บางส่วนที่เคยสงวนไว้สำหรับลูกค้าที่ร่ำรวยที่สุดของ Goldman Sachs จะถูกนำไปใช้ในบริการดิจิทัล
แต่เดิม Goldman Sachs กำหนดเปิดตัวบริการดังกล่าวภายในปี 2020 แต่พราะการระบาดของโควิด-19 ทำให้บริษัทจำเป็นต้องเลื่อนแผนการออกไป
“พอร์ตการลงทุนจะได้รับการอนุมัติล่วงหน้าโดย Compliance และไม่จำเป็นต้องมีการซื้อขายล่วงหน้า” โกลด์แมนกล่าว ก่อนระบุว่า หลังจากตั้งค่าบัญชีแล้ว บัญชีของลูกค้าจะได้รับการตรวจสอบทุกวัน และปรับสมดุลใหม่เป็นระยะ เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมาย”
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
