Goldman Sachs วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯ ปรับมุมมองเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ อาจหดตัวอย่างรุนแรงถึง 34% ในไตรมาส 2 ก่อนที่จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในไตรมาสถัดไป
รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจของ Goldman Sachs ระบุว่าอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ อาจพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 15% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดไว้ที่ระดับ 9% ขณะที่ตัวเลขประมาณการ GDP ในไตรมาสแรกอาจติดลบ 9% จากนั้นจะหดตัวอย่างรุนแรงถึง 34% ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ก่อนหน้านี้ Goldman Sachs คาดว่า GDP สหรัฐฯ อาจหดตัว 6% และ 24% ในไตรมาส 1 และ 2 ตามลำดับ
แต่หลังจากหดตัวลงอย่างรุนแรงแล้ว คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะพลิกฟื้นอย่างรวดเร็ว โดยมีอัตราการเติบโต 19% ในไตรมาส 3 ซึ่งจะนำสหรัฐฯ ก้าวจากไตรมาสที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สู่ช่วงไตรมาสที่ดีที่สุดของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์จาก Goldman Sachs อ้างหลักฐานและข้อมูลการขอรับสวัสดิการว่างงานที่พุ่งพรวดขึ้นในสหรัฐฯ มาประเมินแนวโน้มการว่างงานในอนาคต โดยสัปดาห์ที่แล้วมีชาวอเมริกันยื่นขอสวัสดิการจากการตกงานครั้งแรกมากเกือบ 3.3 ล้านคน และคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นอีก 5.5 ล้านคนในสัปดาห์นี้
สำหรับภาพรวมตลอดทั้งปีนี้ Goldman Sachs คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจหดตัว 6.2% ซึ่งเลวร้ายกว่าที่เคยเผชิญในยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ในช่วงทศวรรษ 1930 ขณะที่ตัวเลขหดตัวในไตรมาส 2 ปีนี้ก็เป็นตัวเลขติดลบที่มากกว่าไตรมาสแรกของปี 1958 ที่หดตัว 10% ถึงกว่า 3 เท่า และมากกว่ายุคเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (Great Recession) ที่เคยหดตัว 8.4% ในไตรมาส 4 ของปี 2008 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
