วิกฤตอสังหา Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์กำไรของหุ้นจีนที่คำนวณอยู่ในดัชนี MSCI China จากผลกระทบของวิกฤตอสังหาริมทรัพย์
วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของโลกประเมินว่า แนวโน้มกำไรของดัชนี MSCI China จะไม่เติบโตในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ 4% พร้อมกับปรับลดเป้าหมายดัชนีของ MSCI China ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า จาก 84 มาเหลือ 81
ทั้งนี้ MSCI China เป็นดัชนีที่ติดตามหุ้นจีนกว่า 700 บริษัทที่จดทะเบียนอยู่ทั่วโลก เช่น Tencent, BYD และ Industrial and Commercial Bank of China ขณะที่ดัชนี MSCI China ร่วงลงกว่า 6% ในเดือนกรกฎาคม เนื่องมาจากความกังวลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นปัจจัยลบที่เพิ่มเข้ามาจากเรื่องของโควิด การคุมเข้มกลุ่มเทคโนโลยี และความขัดแย้งระหว่างประเทศ
Henry Chin หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ประจำเอเชียแปซิฟิกของ CBRE กล่าวว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในเมืองใหญ่ๆ ของจีน แต่ในเมืองเล็กกลับมีปัญหาอุปทานล้นตลาด ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 5 ปีกว่าที่ภาวะอุปทานล้นตลาดจะหายไป
ขณะที่ภาคอสังหาและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องคิดเป็นสัดส่วนกว่า 25% ของ GDP จีน โดย Goldman Sachs คาดว่า จำนวนของที่อยู่อาศัยใหม่จะลดลง 33% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 หลังจากที่ครึ่งปีแรกก็ลดลงมาแล้วถึง 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในส่วนของปัญหาโควิดที่ยังไม่หมดไป ทำให้เมื่อเดือนก่อน Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์ GDP ของจีนเหลือ 3.3% จาก 4% ซึ่งเป็นผลจากปัญหาต่างๆ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งเรื่องของโควิด อสังหา และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจ
ทางการจีนรายงานการเติบโตของ GDP ที่ 2.5% สำหรับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ 5.5% พอสมควร ขณะที่การลงทุนภาคอสังหาสำหรับครึ่งปีแรกลดลง 5.4% จากปีก่อน ย่ำแย่กว่า 5 เดือนแรกที่ลดลง 4%
ด้าน Ting Lu หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Nomura กล่าวว่า การชะลอตัวอาจจะแย่กว่าข้อมูลที่แสดงออกมา และส่งผลกระทบรุนแรงกว่ามุมมองเชิงลบของเรา ซึ่งการล็อกดาวน์ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคมทำให้สถานการณ์แย่ลง เพราะเป็นการจำกัดกำลังซื้อของครัวเรือน
อ้างอิง: