สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่หลายแห่งของโลกแห่กันออกมาปรับลดตัวเลขคาดการณ์ GDP ของจีนในปีนี้ลง โดยล่าสุดเป็นคิวของ Goldman Sachs ที่ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจแดนมังกรในปีนี้ลงเหลือ 5.4% จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 6%
ฮุ่ยซาน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs ระบุว่า ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจจีนหลายตัวที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งสะท้อนว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพรวมหลังจีนมีการเปิดประเทศเริ่มสูญเสียโมเมนตัมลง ประกอบกับแนวโน้มของเศรษฐกิจจีนในระยะข้างหน้าที่ยังมีอุปสรรคหลายอย่างรออยู่ อาทิ ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ เป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารตัดสินใจปรับลดประมาณการ GDP ในปีนี้ลงจากเดิม
“เรายังมองเห็นความท้าทายของปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน และมุมมองต่อเศรษฐกิจของผู้บริโภคและผู้ประกอบการที่เริ่มเป็นลบมากขึ้น แม้ว่าทางการจีนจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาบ้าง แต่ก็ยังไม่รุนแรงพอที่จะชดเชยแรงฉุดรั้งเหล่านี้ได้” ฮุ่ยระบุ
ฮุ่ยกล่าวอีกว่า เมื่อมองเศรษฐกิจจีนต่อไปข้างหน้าเขาก็ยังมองเห็นความท้าทายในระยะปานกลางอีกหลายประการ เช่น โครงสร้างประชากรที่กำลังสูงวัยขึ้น ปัญหาหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่นในหลายมณฑล รวมถึงความตึงเครียดจากปัญหาเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่จะสร้างแรงกดดันต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้เขายังระบุด้วยว่า ช่องว่างของดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่มีแนวโน้มจะถ่างกว้างขึ้นตามความแตกต่างในการดำเนินนโยบายการเงินของทั้งสองประเทศ จะส่งผลให้เงินหยวนของจีนมีโอกาสที่จะอ่อนค่าต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
มุมมองของ Goldman Sachs มีความสอดคล้องกับสถาบันการเงินขนาดใหญ่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น UBS, Bank of America, JPMorgan, Nomura หรือ Standard Chartered ที่ต่างปรับลดตัวเลขคาดการณ์ GDP จีนปีนี้กันไปก่อนหน้าแล้ว
โดย UBS ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP จีนลงจาก 5.7% ลงเหลือ 5.2%, Bank of America ปรับลงจาก 6.3% เหลือ 5.7%, JPMorgan ปรับลดลงจาก 5.9% เหลือ 5.5% ขณะที่ Nomura ปรับลดลงจาก 5.5% เหลือ 5.1% และ Standard Chartered ปรับลดจาก 5.8% เหลือ 5.4%
หวังเท่า นักเศรษฐศาสตร์ของ UBS ประเมินว่า ขณะนี้มีโอกาสสูงที่เศรษฐกิจจีนในไตรมาส 2 จะขยายตัวได้เพียง 1-2% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างต่ำกว่าที่หลายฝ่ายเคยคาดการณ์กันว่าจะขยายตัวได้ที่ 4.5% นอกจากนี้เขายังเตือนว่า ความเสี่ยงในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนถือเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะมีโอกาสที่ปัญหานี้จะยิ่งฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจลงอีก
อ้างอิง:
