2 พนักงานลุกขึ้นสู้ Goldman Sachs หลงถูกฟ้องไม่เป็นธรรม เพราะลาออกไปที่อื่น

ไม่ว่ามันจะเป็นการลาออกครั้งสุดท้ายหรือไม่แต่สำหรับ จอน เจพี พอล และ ซินา ลาชการี สองพนักงานตัวท็อปที่ขอลาออกจาก Goldman Sachs เพื่อย้ายที่ทำงาน กำลังกลายเป็นการลาออกที่เขย่าวงการการเงินในเวลานี้

โดยพอลและลาชการี ซึ่งเป็น ‘ตัวท็อป’ ของทีมเทรด ซึ่งมีคนในทีมราว 20 คน และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของ ‘มนุษย์ทองคำ’ ที่เทรดหุ้นได้อย่างแม่นยำผ่านโปรแกรมวิเคราะห์การลงทุน คิดค้นอัลกอริทึมที่คำนวณหาโอกาสที่ดีที่สุดให้แก่นักลงทุน ซึ่ง Goldman Sachs ได้ให้นักเทรดทำงานร่วมกับคนเขียนโค้ดอย่างใกล้ชิดมาเป็นระยะเวลาหลายปี และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่ทั้งสองได้ตัดสินใจที่จะลาออกเพื่อไปอยู่กับ Verition Fund Management ซึ่งเป็น Hedge Fund แห่งหนึ่ง

การลาออกครั้งนี้ได้นำไปสู่เรื่องที่ทั้งพอลและลาชการีไม่ได้คาดคิด เมื่อทาง Goldman Sachs ได้ขอให้พวกเขาทบทวนการตัดสินใจ แต่เมื่อทั้งคู่ยืนกรานที่จะเปลี่ยนงาน ทางด้านผู้จัดการที่เป็นหัวหน้าในสายบังคับบัญชาก็เปลี่ยนน้ำเสียงทันที “ผมคงต้องดูเกี่ยวกับพฤติกรรมในอดีตของพวกคุณ”

จากการลาออกกลายเป็นการไล่ออก เมื่อ Goldman Sachs ระบุว่าทั้งคู่ได้กระทำผิดอย่างร้ายแรงด้วยการเข้าถึงโค้ด ซึ่งเป็นความลับของบริษัทโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต “ในการสอบสวนของเราพบว่าพวกเขาได้กระทำผิดอย่างร้ายแรง” Andrea Williams โฆษกของ Goldman Sachs กล่าว

เพียงแต่ข้อหาดังกล่าวนั้นเป็นเพียงแค่ข้อสงสัยโดยที่ไม่สามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ ซึ่งทางด้าน Bloomberg ได้เขียนบทวิเคราะห์ไว้ว่า เรื่องนี้เป็นความพยายามของ Goldman Sachs ที่จะ ‘กลบ’ ความลับที่อยู่เบื้องหลังการทำเงินรายได้มากมายมหาศาลของพวกเขาจากทีมงานนี้

แต่ที่แย่กว่านั้นคือสำหรับพอลและลาชการี ทั้งคู่เคยเป็นพนักงานที่ทำงานอย่างแข็งขันมาโดยตลอด แต่กลับต้องมาถูกตราหน้าว่า ‘โกงบริษัท’ และโดนไล่ออก ซึ่งเรื่องนี้ทั้งคู่ไม่สามารถยอมได้ “เราไม่เคยทำความผิดสักข้อ” พอล ซึ่งเป็นนักเทรดให้สัมภาษณ์ ขณะที่ลาชการีบอกว่า “ผมทุ่มเทในการทำงานจนมีชื่อเสียง Goldman ไม่สามารถจะพรากเอาสิ่งนี้ไปจากเราได้

“ผมช็อกมากกับปฏิกิริยาของ Goldman ต่อการลาออกของพวกเรา ผมทำงานร่วมกับคนเหล่านี้ถึงวันละ 10-12 ชั่วโมงเป็นเวลา 6 ปี และพวกเขาก็ย่อมรู้ดีว่าผมเป็นคนอย่างไร” ลาชการีกล่าว ขณะที่ ลู เพชแมน ทนายความของทั้งสองระบุว่า “การกระทำของ Goldman นั้นเป็นการหมิ่นประมาทและเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เราพร้อมสำหรับการต่อสู้คดีในทุกรูปแบบ”

สำหรับพอลเป็นคนเฮติแต่กำเนิด ก่อนจะอพยพตามครอบครัวมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ฟิลาเดลเฟีย โดยพ่อเป็นคนขับแท็กซี่และแม่เป็นนางพยาบาล ขณะที่ลาชการีเป็นชาวอิหร่านที่ได้รับทุนให้มาศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเรียกได้ว่ากว่าที่ทั้งสองจะได้มาอยู่ในศูนย์กลางการเงินของโลกที่แมนฮัตตัน ต้องใช้ความมานะบากบั่นมากมายกว่าจะได้ทำงานที่พวกเขาหลงใหล

มันจะดีกว่านี้หากงานที่พวกเขารัก รักพวกเขากลับบ้าง “หลังทำกำไรมากมายหลายร้อยล้านดอลลาร์ให้แก่ Goldman มันจะดีกว่าที่ทั้งคู่จะได้รับคำขอบคุณและจับมือเพื่อลากัน” เพชแมนกล่าว เพียงแต่สำหรับ Goldman Sachs แล้ว ในครั้งนี้ดูเหมือนพวกเขามองเห็นแต่ความสูญเสียที่พนักงานเก่งๆ จะย้ายไปอยู่กับคู่แข่งเท่านั้น

อ้างอิง: