สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อคืนที่ผ่านมา (19 เมษายน) ท่ามกลางความกังวลของบรรดานักลงทุนในเรื่องภาวะเงินเฟ้อพุ่ง และการปรับใช้นโยบายการเงินแบบรัดเข็มขัดของทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.942% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปี เพิ่มขึ้นมาแตะ 2.995% นับเป็นตัวเลขอัตราผลตอบแทนที่สูงที่สุดรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2018
โดยความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้นักลงทุนขายพันธบัตรออกในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสูงขึ้น ขณะเดียวกัน การที่ข้อมูลส่วนหนึ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคและผู้ผลิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนมีนาคม ส่งผลกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเพิ่มขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ รวมถึงนักวิเคราะห์จาก Deutsche Bank กล่าวว่า แนวโน้มข้างต้นทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีจะขยับอยู่ในกรอบ 2.8-3.0% ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ทางด้านราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากที่ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า ที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับลดลงถึง 5%
รายงานระบุว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในตลาดฟิวเจอร์สใกล้หลุดระดับ 103 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ใกล้หลุด 108 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพฤษภาคมในตลาดไนเม็กซ์ (NYMEX) ลดลง 5.07 ดอลลาร์ หรือ 4.68% สู่ระดับ 103.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ (BRENT) ลดลง 4.97 ดอลลาร์ หรือ 4.39% สู่ระดับ 108.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
การตัดลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจากทาง IMF ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะลดปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในตลาดของผู้บริโภค นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ด้านราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ปรับตัวลดลง 0.44% มาอยู่ที่ 1,977.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่า ราคาทองคำมีสิทธิ์หลุดระดับ 1,960 ดอลลาร์สหรัฐในเร็ววันนี้
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ราคาทองคำลดลงอย่างต่อเนื่อง เกิดจากแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง เพราะทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ขณะที่การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย นอกจากนี้ ราคาทองยังถูกกระทบจากความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
อ้างอิง:
- https://www.cnbc.com/2022/04/19/us-bonds-treasury-yields-dip-with-focus-on-economic-data.html
- https://www.reuters.com/business/energy/oil-steady-despite-libya-supply-drop-shanghai-preparing-reopen-2022-04-19/
- https://www.kitco.com/news/2022-04-19/Gold-prices-down-but-largely-ignore-rise-in-U-S-housing-starts.html
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP