GMM Music ประกาศความร่วมมือการลงทุนเชิงกลยุทธ์กับ Warner Music Asia (WMA) ซึ่งจะร่วมลงทุนด้วยเงินสด 370 ล้านบาท พร้อมจ่ายเงินประกันขั้นต่ำ 315 ล้านบาท เพื่อเร่งการเติบโตของบริษัทและอุตสาหกรรมเพลงไทย ซึ่งเป็นตลาดเพลงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ความร่วมมือครั้งนี้สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงโลก ซึ่งเติบโตรวมมากกว่า 100% ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา (2015-2023) และคาดการณ์ว่าจะเติบโตอีกกว่า 100% ภายในปี 2030 โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 15% ในปีที่ผ่านมา สูงกว่าอัตราการเติบโตในตลาดโลกที่ 10%
“ความร่วมมือดังกล่าวสะท้อนการปลดล็อกมูลค่าบริษัทของ GMM Music ที่มูลค่ามากกว่า 25,000 ล้านบาท และช่วยยกระดับวงการเพลงไทยในแง่ของการยกระดับคุณภาพการผลิต อีกทั้งขยายตลาดสู่ระดับสากล” ภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GMM Music กล่าว
ภาวิตยังเสริมว่า ในปี 2023 ยอดการรับชมรับฟังเพลงของ GMM Music มียอดสตรีมสะสมทะลุกว่า 1 แสนล้านครั้งใน Digital Streaming ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของแพลตฟอร์มสตรีมมิงระดับโลกอย่าง Spotify และ Apple Music ที่มีการเติบโตสูงถึง 86% และ 54% ตามลำดับในปีที่ผ่านมา
ด้าน ฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด GMM Music เผยว่า การร่วมลงทุนครั้งนี้จะช่วยขยายการรับรู้ของเพลงไทยและศิลปินไทยสู่ฐานผู้ฟังที่ใหญ่ขึ้นทั่วโลก โดยใช้ประโยชน์จากระบบการจัดจำหน่ายระดับโลกของ Warner
นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทยังจะร่วมกันตั้งค่ายเพลงใหม่ เพื่อพัฒนาศิลปินและผลิตเพลงใหม่ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดเพลงโลกที่กำลังขยายตัว
GMM Music รายงานผลประกอบการปี 2023 ด้วยยอดรายรับ 3,914 ล้านบาท เติบโตขึ้น 27% และมีกำไรสุทธิ 402 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% โดยบริษัทตั้งเป้าสร้างกำไรสุทธิให้เติบโตขึ้นอีกเท่าตัวภายในปี 2030 สอดคล้องกับการคาดการณ์การเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงโลก
ความร่วมมือดังกล่าวยังสอดคล้องกับแผนการ Spin-Off เพื่อเสนอขาย IPO ของ GMM Music ในอนาคต โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าพันธมิตรใหม่จะช่วยเร่งอัตราการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเพลงโลกที่กำลังเข้าสู่ยุค Music Second Wave ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการพัฒนาของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป