เกิดอะไรขึ้น:
ใน 3Q67TD ยอดขายสาขา (SSS) ของ บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) ลดลง 6%YoY โดยลดลง 7.5%YoY ในเดือนกรกฎาคม และลดลง 5%YoY ในเดือนสิงหาคมถึงปัจจุบัน การปรับตัวลดลง YoY เกิดจาก:
- ปริมาณการขายวัสดุก่อสร้าง (30-35% ของยอดขาย) ที่ลดลงจากการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนภาครัฐที่ล่าช้า (ทรงตัว YoY ใน 3Q67TD อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงการคลัง)
- จำนวนลูกค้าเข้าร้านที่ลดลงเนื่องจากฝนตกหนัก
- การเดินทางหยุดชะงักจากสถานการณ์น้ำท่วมในบางพื้นที่ โดย GLOBALมีสาขา 4 สาขา (4.5% ของจำนวนสาขาทั้งหมด) ตั้งอยู่ในจังหวัดแพร่, เชียงราย, น่าน และสุโขทัย ซึ่งปัจจุบันได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ในขณะที่สาขาของ GLOBALไม่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมนับถึงปัจจุบัน
สำหรับช่วงที่เหลือของปี 2567 InnovestX Research คาดว่า SSS จะปรับตัวดีขึ้น โดยจะลดลง YoY ในอัตราที่ชะลอตัวลงจาก:
- อุปสงค์ที่ฟื้นตัว รวมถึงมีการฟื้นฟูและซ่อมแซมหลังจากระดับน้ำในพื้นที่น้ำท่วมปรับตัวลดลง
- การเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้นจากฐานต่ำของปีก่อน โดยมีแนวโน้มที่งบประมาณปี 2568 (ตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) จะได้รับการอนุมัติตามกำหนด (เทียบกับที่มีความล่าช้า 7 เดือนในการอนุมัติงบประมาณปี 2567)
- บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้นจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หนังสือพิมพ์รายงานว่า รัฐบาลใหม่กำลังพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสำหรับกลุ่มเปราะบาง (วงเงิน 1.45 แสนล้านบาท; มีแนวโน้มที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนกันยายน) ซึ่งเป็นมาตรการเร่งด่วนที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (วงเงิน 4.5 แสนล้านบาท) GLOBALจะได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากกำลังซื้อโดยรวมที่ดีขึ้น ซึ่งยังไม่ได้นำ Upside ของยอดขายมารวมไว้ในประมาณการ
ในปี 2567 GLOBALยังคงแผนเร่งขยายสาขา โดยจะเปิดสาขาใหม่ 9 สาขา (8 สาขาในประเทศไทย และ 1 สาขาในประเทศกัมพูชา) เพิ่มขึ้นจาก 84 สาขา ณ สิ้นปี 2566 (83 สาขาในประเทศไทย และ 1 สาขาในประเทศกัมพูชา) โดยหลังจากเปิดสาขาใหม่ 2 สาขา (ในประเทศไทยและกัมพูชา) ใน 1Q67 และ 3 สาขาใน 2Q67 GLOBALวางแผนเปิดสาขาใหม่อีก 4 สาขาในประเทศไทยใน 4Q67
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น GLOBALปรับลง 3.77% สู่ระดับ 15.30 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 4.4% สู่ระดับ 1,364.81 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:
InnovestX Research คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ GLOBALจะอยู่ที่ 26.2-26.6% ใน 2H67 เทียบกับ 26% ใน 2H66 เพิ่มขึ้นจากการปรับลดโปรโมชันราคาสำหรับสินค้า Private Brand และการมีสัดส่วนยอดขายสินค้า Private Brand ที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ปัญหาการเติมสต็อกสินค้า Private Brand ในบางสาขา (พบใน 1Q67) คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากมีการจัดส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อใหม่ในช่วงปลาย 2Q67-3Q67TD
ทั้งนี้ ได้ปรับประมาณการกำไรปี 2567 ของ GLOBALลดลง 5% เพื่อสะท้อน SSS ที่อ่อนแอกว่าคาดใน 3Q67TD และกำไร 3Q67 มีแนวโน้มที่จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ โดยจะลดลงเล็กน้อย YoY และ QoQ จาก SSS ที่หดตัวลง แต่กำไรจะปรับตัวดีขึ้นใน 4Q67 (เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ) จาก SSS ที่ดีขึ้น การขยายสาขาและอัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้น
กลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ GLOBALโดยปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7% และการเติบโตระยะยาว 2.5%) ใหม่เป็น 18 บาทต่อหุ้น (จาก 18.5 บาทต่อหุ้น) หลังจากปรับประมาณการกำไรปี 2567 ลดลง 5% เพื่อสะท้อน SSS ที่อ่อนแอใน 3Q67TD
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ ราคาเหล็ก รายได้เกษตรกร และนโยบายรัฐบาลใหม่ ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญคือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและมีคุณภาพ (E) แนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน และความปลอดภัยของข้อมูล (S)