ภาวะโลกรวนจากการก่อมลพิษโดยฝีมือมนุษย์ นำมาซึ่งหลากหลายวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะท้องทะเล อันเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจกใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งกำลังเผชิญผลกระทบรุนแรง ทั้งต่อระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล
ความเปลี่ยนแปลงจากภาวะโลกรวน อุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้น กระทบความยั่งยืนต่อความหลากหลายทางชีวภาพในทะเลทั่วโลก และนำมาซึ่งผลกระทบต่อมนุษย์จำนวนมากที่อาศัยทะเลในการดำรงชีวิต
ข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ (UN) ชี้ว่า เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลก (ราว 3.3 พันล้านคน) พึ่งพาโปรตีนจากปลา ในขณะที่ทะเลยังมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจโลกถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2573
ความสำคัญของทะเลและวิกฤตที่ทะเลโลกกำลังเผชิญอยู่ ตลอดจนผลกระทบจากสถานการณ์สงครามและวิกฤตเศรษฐกิจ สะท้อนชัดในอุตสาหกรรมประมง ที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงในการหาเลี้ยงชีพกับทรัพยากรทางทะเล
หนึ่งในยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมนี้คือ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU (Thai Union) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอันดับ 1 ในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารทะเลโลก
โดย ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอของไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ร่วมไขคำตอบโจทย์สำคัญ ในการพาบริษัทปรับตัวฝ่าวิกฤตและความท้าทายเหล่านี้ ท่ามกลางคำถามใหญ่ที่ทั่วโลกจับจ้องว่า ‘ธุรกิจและผลกำไร’ กับ ‘สิ่งแวดล้อม’ นั้น อะไรมาก่อน และอะไรคือหนทางรอดอย่าง ‘ยั่งยืน’