ภาวะโลกร้อนยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้นจนน่ากังวล ล่าสุดปรากฏงานวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ เตือนว่ากระแสน้ำแอตแลนติก (Atlantic Meridional Overturning Circulation: AMOC) หรือกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมที่ทำหน้าที่รักษาสมดุลของสภาพภูมิอากาศโลก อาจ ‘ล่มสลาย’ หรือ ‘หยุดการไหลเวียน’ ลงอย่างเร็วคือในปี 2025 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ และอย่างช้าคือในปี 2095 หากการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจก อันเนื่องจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมันและถ่านหินทั่วโลก ยังคงไม่ลดลง
ภาพสะท้อนวิกฤตจากโลกร้อนเห็นชัดทั้งในธารน้ำแข็งหลายแห่งที่เกิดการละลายอย่างรวดเร็ว หรือภาวะคลื่นความร้อนที่นอกจากบนบกยังเกิดขึ้นในทะเล เช่น ในหมู่เกาะทางใต้ของรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ที่อุณหภูมิผิวน้ำของมหาสมุทรพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์เกิน 38 องศาเซลเซียส ก่อให้เกิดวิกฤตโลกใต้ทะเลอย่างปะการังฟอกขาว ขณะที่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้กลายเป็นเดือนกรกฎาคมที่ร้อนที่สุดเท่าที่โลกเคยบันทึกไว้
ภาวะไม่ปกติเหล่านี้อาจถึงขั้นเรียกได้ว่าสิ่งที่เผชิญอยู่ไม่ใช่แค่โลกร้อนแบบธรรมดา โดย อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) ประกาศข้อความเตือนไปยังทั่วโลกว่า “ยุคแห่งโลกร้อนได้สิ้นสุดลงแล้ว และยุคแห่งโลกเดือดได้มาถึงแล้ว”
In Partnership with CMDF