เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 4Q65 ของ บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) ซึ่งคาดว่าจะรายงานผลประกอบการวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น GFPT ปรับเพิ่มขึ้น 5.47%MoM สู่ระดับ 13.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.75%MoM สู่ระดับ 1,681.2 จุด
พรีวิวผลประกอบการ 4Q65:
InnovestX Research คาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q65 ที่ 450 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิ 4Q64 ที่ 54 ล้านบาท แต่ลดลง 34%QoQ หากตัดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 25 ล้านบาทออกไป คาดว่ากำไรปกติ 4Q65 จะอยู่ที่ 475 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรปกติ 14 ล้านบาทใน 4Q64 โดยได้แรงหนุนจากยอดขาย มาร์จิ้น และส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้น แต่ลดลง 36%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
สำหรับรายการสำคัญใน 4Q65 มีดังนี้
- ยอดขาย คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 4.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29%YoY แต่ลดลง 10%QoQ โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้น YoY ส่วนใหญ่เกิดจากธุรกิจอาหารจากปริมาณการขายและราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น
สำหรับราคา GFPT จะได้รับประโยชน์จากราคาผลิตภัณฑ์ในประเทศและส่งออกที่สูงขึ้นตามอุตสาหกรรม ราคาผลิตภัณฑ์พลอยได้โครงไก่ในประเทศอยู่ที่ 22 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 100%YoY แต่ลดลง 6%QoQ เมื่ออิงกับข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์พบว่า ใน 4Q65 มูลค่าการส่งออกไก่ไทยเติบโต 33%YoY โดยเกิดจากปริมาณการขายที่ดีขึ้นและราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น อันเป็นผลมาจากเงินบาทที่อ่อนค่าลง 9% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และราคาที่ดีขึ้นในรูปดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับปริมาณการขาย คาดการณ์ปริมาณการขายส่งออกโดยตรงของ GFPT ที่ 8,400 ตัน (เพิ่มขึ้น 12%YoY แต่ลดลง 5%QoQ) โดยการเพิ่มขึ้น YoY เกิดจากเครื่องจักรใหม่ที่เริ่มดำเนินงานในเดือนกันยายน 2564 ทำให้บริษัทสามารถรับคำสั่งซื้อเพิ่มจากยุโรป ญี่ปุ่น และจีน
- อัตรากำไรขั้นต้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้น YoY สู่ 15.8% เพิ่มขึ้นจาก 5.6% ใน 4Q64 เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้นและยอดขายส่งออกที่ให้มาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้น จะช่วยชดเชยต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น แต่ต่ำกว่า 18.6% ใน 3Q65 โดยมีสาเหตุมาจากยอดขายส่งออกที่ให้มาร์จิ้นสูงที่ลดลง
- ค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขาย คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 9.2% (เทียบกับ 8.9% ใน 4Q64 และ 8.0% ใน 3Q65) โดยเกิดจากค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าคอมมิชชันที่สูงขึ้น
- ส่วนแบ่งกำไร คาดว่าจะอยู่ที่ 165 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 80 ล้านบาทใน 4Q64 แต่ลดลง 20%QoQ โดยการปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY เกิดจากส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นจาก GFN ที่ 80 ล้านบาท (เทียบกับ 8 ล้านบาทใน 4Q64 แต่ลดลง 42%QoQ) อันเป็นผลมาจากปริมาณการขายส่งออกที่สูงขึ้นและราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น และจาก McKey ที่ 85 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 18%YoY และ 23%QoQ) อันเป็นผลมาจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นของเครื่องจักรใหม่ที่เริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ใน 3Q65
กลยุทธ์การลงทุนและแนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
ใน 1Q66TD ราคาไก่มีชีวิตและผลิตภัณฑ์พลอยได้โครงไก่ในประเทศอยู่ที่ 42.5 บาทต่อกิโลกรัม (เพิ่มขึ้น 8%YoY แต่ลดลง 5%QoQ) และ 23 บาทต่อกิโลกรัม (เพิ่มขึ้น 18%YoY และ 5%QoQ)
โดยทั่วไปแล้วราคาผลิตภัณฑ์ไม่เปลี่ยนแปลงหรือลดลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากอุปสงค์ค่อนข้างซบเซาราว 1 เดือนหลังจากตรุษจีน (22 มกราคม 2566) ก่อนที่จะปรับตัวตามอุปสงค์และอุปทานในภายหลัง โดยปกติแล้ว GFPT จะเก็บสต๊อกวัตถุดิบอาหารสัตว์ไว้ราว 3 เดือน และราคาข้าวโพดในประเทศและราคากากถั่วเหลืองนำเข้าในตลาด Spot ยังอยู่ในระดับสูงที่ 12.5 บาทต่อกิโลกรัม (เพิ่มขึ้น 16%YoY และ 4%QoQ) และ 23 บาทต่อกิโลกรัม (เพิ่มขึ้น 5%YoY และ 1%QoQ) ใน 4Q65
ทั้งนี้ InnovestX Research คาดว่ากำไรปกติ 1Q66 จะเติบโต YoY โดยเกิดจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น เพราะยอดส่งออกที่ให้มาร์จิ้นสูงจะเพิ่มขึ้นจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นของเครื่องจักรใหม่ และราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น YoY แต่จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาล โดยคงเรตติ้ง Outperform สำหรับ GFPT ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี SOTP ที่ 19 บาทต่อหุ้น
และคาดว่าการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนปริมาณการขาย จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของกำไรปี 2566
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ แรงกดดันเงินเฟ้อต่ออุปสงค์และต้นทุน และการควบคุมราคาโดยรัฐบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ นำตลาดผันผวน หลัง IMF มองว่าความเสี่ยง Recession น้อยลง
- ตลท. ขยายกรอบ ‘Ceiling & Floor’ ใหม่ให้สอดคล้องกับตลาดหุ้นนอก พร้อมประกาศเพิ่มเครื่องหมาย P เตือนหุ้นที่ซื้อขายผิดปกติ เริ่มมีผลใช้ใน 1Q66
- ย้อนรอย ‘ออลล์ อินสไปร์’ ก่อนเบี้ยวดอกเบี้ยหุ้นกู้ ฟากผู้บริหารชิงขายหุ้น ก่อนราคาดิ่ง 90% จากจุดสูงสุด