สโมสรท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ตกเป็นข่าวว่ามีโอกาสที่จะนำ อังเก ปอสเตโคกลู มาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในฤดูกาลหน้า
โดยกุนซือที่เกิดในกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ และเติบโตในออสเตรเลีย อาจเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับแฟนบอลสเปอร์สที่คาดหวังกุนซือระดับบิ๊กเนมเข้ามาคุมทีมในฤดูกาลหน้า
แต่ อังเก ปอสเตโคกลู ก็เป็นชื่อที่อยู่คู่กับความสำเร็จจากการคว้าแชมป์ลีกสูงสุด ทั้งในออสเตรเลีย กับบริสเบน รอร์, เจลีก กับโยโกฮามา เอฟ มารินอส และล่าสุดกับกลาสโกว์ เซลติก ที่พาทีมคว้าแชมป์ทุกรายการในสกอตแลนด์
อังเก ปอสเตโคกลู คือใคร และความท้าทายอะไรบ้างที่รอคอยเขาอยู่ในพรีเมียร์ลีกกับสโมสรท็อตแนม ฮอตสเปอร์
วันนี้ (6 มิถุนายน) สื่อต่างประเทศรายงานว่าท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับ อังเก ปอสเตโคกลู ผู้จัดการทีมของกลาสโกว์ เซลติก เพื่อจะให้มาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของทีม รอเพียงการประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้น
ซึ่งทำให้เขาจะเป็นผู้จัดการทีมถาวรคนที่ 4 ของสเปอร์สนับตั้งแต่ฤดูกาล 2019/20 โดย 3 คนก่อนหน้าที่เคยได้รับตำแหน่งนี้ได้แก่ โชเซ มูรินโญ, นูโน เอสปิริโต ซานโต และ อันโตนิโอ คอนเต
โดยว่าที่กุนซือคนใหม่ชาวออสเตรเลียวัย 57 ปี เป็นคนขรึม ไม่พูดเยอะ ยิ้มยาก และดูจริงจังอยู่ตลอดเวลา
“เขาเป็นโค้ชที่ขรึม ดุมาก ไม่ว่าคุณจะมาจากประเทศไหน ถ้าคุณเล่นตามที่เขาต้องการไม่ได้เขาจะดุหมดเลย โดยไม่สนว่าคุณเป็นใคร
“เขาจะจริงจังในการซ้อม มันทำให้ทุกคนอยู่ในแท็กติก ไม่เล่นนอกแท็กติก” คำพูดเหล่านี้มาจาก ธีราทร บุญมาทัน นักเตะชาวไทย พูดถึงช่วงเวลาที่เขาอยู่กับโยโกฮามา เอฟ มารินอส และโค้ชปอสเตโคกลู
แต่หน้าตาที่ดูดุดันนั้นมีเบื้องหลัง ครอบครัวปอสเตโคกลูนั้นอพยพมาจากกรีซสมัยเกิดการรัฐประหารที่กรุงเอเธนส์ โดยแสวงหาชีวิตใหม่ที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
การมาเริ่มชีวิตใหม่ของครอบครัวปอสเตโคกลูไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากพวกเขามาโดยไม่มีบ้าน, งาน, ครอบครัว และไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ทำให้ ดิมิทริส หรือ จิม ปอสเตโคกลู พ่อของอังเก ต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงชีพให้ครอบครัว
ในวันอาทิตย์สองพ่อลูกปอสเตโคกลูจะไปที่สโมสรเซาท์ เมลเบิร์น เฮลลาส สโมสรที่ตั้งขึ้นสำหรับผู้อพยพชาวกรีก การที่พวกเขาเป็นเสมือนคนนอก ฟุตบอลเป็นทางเดียวที่พวกเขาจะเข้าสู่สังคมได้
แต่เส้นทางฟุตบอลของพวกเขาก็ไม่ง่าย อังเกต้องแขวนสตั๊ดตั้งแต่อายุ 27 ปีเนื่องด้วยอาการบาดเจ็บ แถมการเป็นโค้ชในช่วงแรกก็ลำบากเช่นกัน หลังจากโดนปลดจากตำแหน่งในทีมชาติออสเตรเลียชุดเยาวชน และการหางานอย่างยากลำบากในลีกล่างของกรีซและออสเตรเลีย
จนกระทั่งเขาได้รับโอกาสจากสโมสรบริสเบน รอร์ และพาทีมประสบความสำเร็จจากฟุตบอลที่ดุดันและรวดเร็วของเขา จนทีมได้แชมป์ในปี 2011 และ 2012
จากโค้ชที่ไม่มีใครเหลียวแลก็ได้มีโอกาสต่อเนื่อง โดยสามารถคุมทีมชาติออสเตรเลียและทีมในเจลีกให้ประสบความสำเร็จ จนได้รับความเคารพจากลูกทีมและแฟนบอล
แต่บททดสอบที่แท้จริงเกิดขึ้นที่กลาสโกว์ เซลติก ในปี 2021 ณ เวลานั้น เซลติกอยู่ในช่วงที่ตกต่ำที่สุด พลาดแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ด้วยคะแนนที่ตามถึง 25 แต้ม ตกรอบทั้งสกอตติชคัพและสกอตติชลีกคัพ แฟนบอลต่างประท้วง บรรยากาศในทีมย่ำแย่ ผู้จัดการทีมทั้ง นีล เลนนอน และ โดมินิก แม็คเคย์ ซีอีโอของสโมสร พยายามมากู้สถานการณ์ แต่ก็ไม่สามารถสวนกระแสแห่งความสิ้นหวังได้
ถึงกระนั้นโค้ชนักสู้ก็ไม่ยอมแพ้ ในสองปีที่เขาคุมทีมจากกลาสโกลว์นั้น ทั้งการเซ็นผู้เล่นที่เฉียบขาดและแท็กติกอันดุดันของเขาช่วยให้ทีมได้ 5 จาก 6 แชมป์ที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ และได้สร้างผลงานในฤดูกาล 2022/23 โดยการพาทีมเซลติกคว้าสกอตติชเทรเบิลแชมป์ ซึ่งประกอบไปด้วยแชมป์สกอตติชพรีเมียร์ชิป, สกอตติชลีกคัพ และสกอตติชคัพ นอกจากนี้บรรยากาศของทีมและสปิริตของผู้เล่นนั้นดีขึ้นอย่างชัดเจน
และปัญหาที่เซลติกมีในตอนที่ปอสเตโคกลูมาคุมทีมนั้นก็เป็นปัญหาเดียวกับที่สเปอร์สมีในปัจจุบัน
สเปอร์สในฤดูกาล 2022/23 ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่ทีมไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลยุโรปได้นับตั้งแต่ฤดูกาล 2009/10
โดย เมธา พันธุ์วราทร เจ้าของนามปากกา ‘ลูกแม่กิ่ง’ ได้เขียนในบทความของ THE STANDARD ก่อนหน้านี้ โดยสรุปปัญหาของวัฒนธรรมการทำงานของสเปอร์สเป็นสองปัจจัยใหญ่ๆ ดังนี้
- ผู้เล่นขาดความกระหายในชัยชนะ
- สำหรับ แดเนียล เลวี เจ้าของทีมแล้ว ผู้เล่นคือ ‘ทรัพย์สิน’ ส่วนผู้จัดการทีมคือ ‘ค่าใช้จ่าย’
จากประสบการณ์และความสามารถของเขาก็อาจจะชุบสเปอร์สให้เป็นไก่ทองคำได้ แต่ปัญหาของสเปอร์สทั้งหมดไม่ได้มาจากสปิริตที่ต่ำของทีมอย่างเดียว แต่มาจากเจ้าของทีมด้วย
ตัวอย่างที่ดีคือกรณีของ เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมชาวดัตช์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้ซึ่งเปลี่ยนแมนฯ ยูไนเต็ด ที่สปิริตของทีมต่ำ ณ ขณะนั้น ให้มาเป็นทีมที่แข็งแกร่งได้ในปีนี้ด้วยการคว้าแชมป์คาราบาวคัพ รองแชมป์เอฟเอคัพ และจบที่สามในพรีเมียร์ลีก ผ่านเข้าไปสู่การแข่งยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ
แต่หนึ่งสิ่งที่ทำให้เทน ฮาก พาปีศาจแดงกลับมาสู่เส้นทางชัยชนะได้ก็คือการที่บอร์ดบริหารของทีมให้สิทธิ์และอิสระการคุมทีมกับเทน ฮาก ค่อนข้างมาก ทำให้เทน ฮาก ปลูกฝังปรัชญาของเขาให้กับผู้เล่นในทีมได้
เพราะฉะนั้น คำถามที่ว่าปอสเตโคกลูจะแก้ปัญหารากเหง้าที่แท้จริงของไก่เดือยทองได้หรือไม่ สมการของคำตอบไม่ได้มีแค่โค้ชนักสู้จากออสเตรเลียเท่านั้น ส่วนที่สองของสมการก็ขึ้นอยู่กับแดเนียล เลวี ด้วยเช่นกันว่าจะให้การสนับสนุนผู้จัดการทีมชาวออสเตรเลียคนนี้มากแค่ไหน
นอกจากนี้ยังเป็นความท้าทายของปอสเตโคกลูว่าจะรั้งนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ของทีมทั้ง แฮร์รี เคน ที่มีข่าวกับแมนฯ ยูไนเต็ด และ ซนฮึงมิน ตัวรุกทีมชาติเกาหลีใต้ ให้อยู่กับทีมต่อไปในฤดูกาลหน้าได้หรือไม่
รวมถึงฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่ผ่านมา เกิดสถิติการปลดและเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมมากที่สุดในฤดูกาลเดียว โดยมีการปลดผู้จัดการทีมมากที่สุดถึง 12 คน โดยทีมที่ใช้ผู้จัดการทีมเปลืองที่สุดคือเชลซีที่ใช้ถึง 4 คนในฤดูกาลเดียว
อ้างอิง: