นี่คือรถโมบายล์จากรัฐบาลสหราชอาณาจักร หนึ่งในวิธีประชาสัมพันธ์เชิงรุกในการให้ข้อมูลผลกระทบจาก Brexit ส่งตรงถึงประชาชนที่ใจกลางเมือง
ผู้สื่อข่าว THE STANDARD ที่สหราชอาณาจักร เก็บภาพเหล่านี้มาได้โดยบังเอิญเมื่อสัปดาห์ก่อน ในขณะที่ยังไม่มีคำยืนยันเรื่องการเลื่อนเส้นตาย Brexit ไปเป็น 31 มกราคม 2020 มีการนำรถโมบายล์ประชาสัมพันธ์แคมเปญ ‘Get Ready for Brexit’ มาจอดไว้ที่ใจกลางเมืองคาร์ดิฟฟ์ เมืองหลวงของเวลส์ ในสหราชอาณาจักร
ทั้งนี้แคมเปญ Get Ready for Brexit เริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ภาคส่วนต่างๆ ทราบถึงผลกระทบ ความเปลี่ยนแปลง และสิ่งที่ควรทำ เพื่อรองรับระยะเปลี่ยนผ่านที่สหราชอาณาจักรจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป มีรายงานว่ารัฐบาลสหราชอาณาจักรทุ่มงบกว่า 100 ล้านปอนด์ในการประชาสัมพันธ์ด้วยวิธีต่างๆ เช่น เช่าพื้นที่โฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์, ป้ายบิลบอร์ด, สื่อออนไลน์ ตลอดจนการเช่าเวลาโฆษณาทางสถานีโทรทัศน์ และรถโมบายล์นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญนี้ด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวขึ้นไปบนรถโมบายล์ซึ่งเปิดเป็นห้องนิทรรศการเล็กๆ หนึ่งห้อง เราได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพบนรถได้โดยไม่ให้ติดภาพของเจ้าหน้าที่ประจำรถหรือผู้ที่มาเยี่ยมชม เรายังได้คุยกับเจ้าหน้าที่ซึ่งเล่าให้ฟังว่ารถคันนี้มาให้ข้อมูลเพื่อให้พลเมืองของสหราชอาณาจักรตระหนักว่ากระบวนการที่พวกเขาจะเดินทางไปในประเทศที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรปอาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ในวันที่สหราชอาณาจักรไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรปแล้ว เช่น พวกเขาจำเป็นจะต้องต่ออายุหนังสือเดินทางแต่เนิ่นๆ ทำประกันการเดินทางที่ครอบคลุมเรื่องสุขภาพ หรือต้องมีใบขับขี่สากลเพื่อใช้ในบางประเทศ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่คอยตอบคำถามและให้คำปรึกษาในหัวข้อที่เกี่ยวข้องด้วย
ส่วนสื่อโฆษณาประเภทอื่นนอกจากรถโมบายล์ ก็มีการกล่าวถึงผลกระทบต่อภาคธุรกิจ อาทิ ข้อบังคับในการส่งออกสินค้าที่จะไม่เหมือนเดิม เป็นต้น
และหลังจากที่เส้นตาย Brexit ถูกเลื่อนออกไปจนถึงปีหน้า ปรากฏว่าในหน้าเว็บไซต์ของรัฐบาลที่จัดทำขึ้นเพื่อรองรับการประชาสัมพันธ์เรื่อง Brexit มีการถอดข้อความที่ระบุถึงเส้นตายเดิมออก และในวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมาก็มีรายงานว่ารัฐบาลสหราชอาณาจักรสั่งระงับแคมเปญประชาสัมพันธ์นี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม รายงานของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของสหราชอาณาจักรเมื่อกลางเดือนตุลาคมกลับชี้ว่า การใช้งบประมาณกว่าร้อยล้านปอนด์ไปเพื่อการประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้อาจ ‘ได้ผลจำกัด’ เพราะรัฐบาลเริ่มประชาสัมพันธ์ในระยะที่กระชั้นชิด ตลอดจนยังมีความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit อย่างต่อเนื่อง ขณะที่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอย่าง เจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคเลเบอร์ ก็ออกมาระบุว่านี่เป็นการใช้จ่ายงบประมาณอย่างฟุ่มเฟือย โดยเขากล่าวในสภาว่าเงินจำนวนนี้สามารถนำไปใช้จ้างพยาบาลหรือให้การสนับสนุนด้านสังคมแก่ผู้สูงอายุแทนได้
