Geoffrey Hinton ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2024 จากผลงานการพัฒนาโครงข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน
เส้นทางชีวิตของ Hinton เต็มไปด้วยความสำเร็จ แต่เขากลับเลือกที่จะออกมาส่งสัญญาณเตือนภัยถึงอันตรายของ AI ที่อาจเกิดขึ้นหากไม่มีการควบคุมอย่างจริงจัง
Hinton วัย 76 ปี ตัดสินใจลาออกจาก Google เมื่อปีที่แล้ว เพื่อที่จะสามารถพูดถึงความเป็นไปได้ที่ AI อาจหลุดพ้นจากการควบคุมของมนุษย์ และนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรง เช่น การแทรกแซงการเลือกตั้ง หรือการควบคุมหุ่นยนต์อันตราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- 2 นักวิทยาศาสตร์ผู้วางรากฐาน Machine Learning ชนะรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ปี 2024
- กว่าจะมาเป็น AI ย้อนต้นกำเนิดโครงข่ายประสาทเทียม สู่โนเบลฟิสิกส์ปี 2024 และคำเตือนจากหนึ่งในบิดาแห่ง AI
- เมื่อ AI เฉิดฉายในเวทีโนเบล กับดาบสองคมที่อาจดิสรัปต์วงการและคุกคามมนุษยชาติ
เขาเรียกร้องให้บริษัทต่างๆ เช่น OpenAI, Meta และ Google ทุ่มเททรัพยากรมากขึ้นเพื่อความปลอดภัยของระบบ AI ขั้นสูง และผลักดันให้เกิดการพัฒนา AI อย่างมีความรับผิดชอบ
Hinton เชื่อว่าระบบ AI ขั้นสูงมีความสามารถในการเข้าใจผลลัพธ์ของตัวเอง ซึ่งเป็นมุมมองที่ยังเป็นที่ถกเถียงในวงการวิจัย เขากล่าวว่า “หวังว่ารางวัลโนเบลจะทำให้ผมมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เมื่อผมพูดว่า AI เหล่านี้เข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังพูดจริงๆ”
การได้รับรางวัลโนเบลในครั้งนี้จึงเป็นเหมือนดาบสองคม ที่ทั้งยกย่องความสำเร็จของ Hinton และเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับคำเตือนของเขา ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางการพัฒนา AI ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม มีนักวิจัยบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับ Hinton โดยมองว่าการเน้นย้ำถึงสถานการณ์วันสิ้นโลกจะทำให้การพัฒนาเทคโนโลยี AI ช้าลงโดยไม่จำเป็น และเบี่ยงเบนความสนใจจากอันตรายที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น การเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มคนชายขอบ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาควบคู่กันไป
Hinton ได้รับรางวัลโนเบลร่วมกับ John Hopfield จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน จากผลงานการพัฒนาโครงข่ายประสาทเทียมตั้งแต่ทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจจากการทำงานของสมองมนุษย์ ผลงานนี้เป็นพื้นฐานของเทคโนโลยี AI มากมายในปัจจุบัน ตั้งแต่ ChatGPT ไปจนถึง Google Photos
เขายังเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการใช้ Backpropagation ซึ่งเป็นอัลกอริทึมที่ใช้ในการฝึกฝนโครงข่ายประสาทเทียม และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Deep Learning ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI ที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน
จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติ AI ยุคใหม่ เกิดขึ้นในปี 2012 เมื่อ Hinton และนักศึกษาปริญญาโทสองคนจากมหาวิทยาลัยโทรอนโตได้พัฒนา AlexNet ซึ่งเป็นโครงข่ายประสาทเทียมที่สามารถจดจำรูปภาพได้อย่างแม่นยำ ความสำเร็จของ AlexNet ทำให้ Google ตัดสินใจซื้อบริษัทที่ Hinton ก่อตั้งขึ้นด้วยเงิน 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดึงตัวเขามาร่วมงาน
Hinton ยังเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาและเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักวิจัย AI รุ่นใหม่ๆ เช่น Ilya Sutskever ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI และได้รับรางวัล Turing Award ในปี 2018 ร่วมกับ Yoshua Bengio และ Yann LeCun ซึ่งทั้งสามคนมักถูกเรียกว่า ‘เจ้าพ่อแห่ง AI ยุคใหม่’
ในปี 2023 Hinton เริ่มตระหนักถึงผลที่ตามมาของการสร้าง AI ที่ทรงพลังมากขึ้น เขาเริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ AI อาจหลุดพ้นจากการควบคุมของผู้สร้าง และก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อมนุษยชาติ
เขาได้เข้าร่วมกับกลุ่มคนที่กังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของ AI และพยายามผลักดันให้เกิดการพัฒนา AI อย่างมีความรับผิดชอบ โดยเสนอให้บริษัทที่ทำงานด้าน AI จัดสรรทรัพยากรอย่างน้อย 1 ใน 3 ของงบประมาณการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยและการใช้งาน AI อย่างมีจริยธรรม
Hinton ได้ร่วมลงนามในเอกสารที่เรียกร้องให้มีการควบคุม AI และสนับสนุนร่างกฎหมายความปลอดภัยของ AI ที่ผ่านการอนุมัติจากสภานิติบัญญัติแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งจะกำหนดให้ผู้พัฒนา AI ต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่า AI จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้ถูกปฏิเสธโดยผู้ว่าการรัฐ Gavin Newsom เนื่องจากถูกต่อต้านโดยบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ รวมถึง Google ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความท้าทายในการควบคุม AI และความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ทางธุรกิจกับความกังวลด้านจริยธรรม
ภาพ: Ramsey Cardy / Sportsfile for Collision via Getty Images
อ้างอิง: