×

แกรี เกนสเลอร์ ประธาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ ลั่น คริปโตทุกสกุลจัดเป็นหลักทรัพย์ ยกเว้นเพียงบิทคอยน์!

27.02.2023
  • LOADING...

บทสัมภาษณ์ล่าสุดของ แกรี เกนสเลอร์ ประธาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ ทำให้อุตสาหกรรมคริปโตต้องสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อเขากล่าวว่า แม้จะยังไม่ได้มีการจัดประเภทอย่างเป็นทางการ แต่สกุลเงินดิจิทัลทุกสกุลถูกจัดว่าเป็นหลักทรัพย์ ยกเว้นเพียงบิทคอยน์เท่านั้น

 

มุมมองของ แกรี เกนสเลอร์ ไม่ใช่การชี้ขาดทางกฎหมาย

แกรี เกนสเลอร์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับ New York Magazine เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า นอกเหนือจากบิทคอยน์ สกุลเงินดิจิทัลทุกสกุลถูกจัดว่าเป็นหลักทรัพย์ 

 

เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า มีเว็บไซต์และกลุ่มนักลงทุนที่จัดตั้งบริษัทนิติบุคคลขึ้นมาในต่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี รวมถึงอาจจะมีการจัดตั้งมูลนิธิที่สามารถใช้ต่อสู้คดีทางกฎหมาย และทำให้เกิดความยากลำบากในขอบเขตการบังคับใช้กฎหมาย แต่โดยสรุปแล้ว มีกลุ่มคนที่ใช้กลไกที่ซับซ้อนและไม่โปร่งใส เพื่อโปรโมตโทเคนของตนและดึงดูดนักลงทุน ทำให้บิทคอยน์มีความแตกต่างจากสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ เนื่องจากประวัติติศาสตร์และการกำเนิดที่ไม่เหมือนใคร

 

ทางด้าน เจค เชอร์วินสกี ทนายความและหัวหน้านโยบายจากสมาคมบล็อกเชน ได้โต้แย้งว่า ความคิดเห็นของเกนสเลอร์ไม่ใช่กฎหมาย แม้ว่าเขาจะมีอำนาจในหน่วยงานกำกับดูแลก็ตาม ทาง ก.ล.ต. ไม่มีอำนาจในการควบคุมใดๆ จนกว่าจะพิสูจน์คดีในศาลสำหรับสินทรัพย์แต่ละรายการว่าเหตุใดจึงจัดว่าเป็นหลักทรัพย์

 

กฎระเบียบด้านคริปโตของสหรัฐฯ ยังไร้ความชัดเจน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีโทเคนมากมายที่ถูกฟ้องร้องจากหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ เนื่องจากถูกจัดเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน เริ่มตั้งแต่เหรียญ XRP ของบริษัท Ripple Labs ที่ถูกฟ้องร้องเมื่อเดือนธันวาคมปี 2020 

 

อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต. สหรัฐฯ ไม่ได้มีการออกกฎหมายและจัดประเภทสินทรัพย์คริปโตอย่างเป็นทางการ ทำให้ชุมชนคริปโตส่วนใหญ่มองว่านี่ไม่ใช่วิธีการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพหรือยุติธรรม ซึ่งในขณะนี้ ก.ล.ต. ยังคงเพ่งเล็งและสอบสวนบริษัทคริปโตทำอย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะมีเขตอำนาจศาลในการบังคับใช้กฎหมายหรือไม่ก็ตาม

 

กาเบรียล ชาพิโร ที่ปรึกษาบริษัทการลงทุน Delphi Labs แสดงความเห็นว่า การจดทะเบียนกับ ก.ล.ต. ไม่เพียงแต่มีราคาแพงเกินไปสำหรับผู้สร้างโทเคน แต่ยังไม่มีเส้นทางที่ชัดเจนสำหรับการจดทะเบียนโทเคนเหล่านั้นด้วย หากการจดทะเบียนไม่สามารถทำได้ และหลายบริษัทต้องจ่ายค่าปรับจำนวนมหาศาล รวมถึงหยุดการทำงานบนโปรโตคอล นี่เป็นการทำลายระบบนิเวศและหมายถึงการฟ้องร้องจำนวนมากถึง 12,305 คดีเลยทีเดียว

 

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising