เมื่อวานนี้ช่วงค่ำ (ตามเวลาประเทศไทย) เกิดเหตุสะพานมอเตอร์เวย์ A10 หรือสะพานโมรันดี (Morandi Bridge) ในเมืองท่าที่สำคัญของอิตาลีอย่างเมืองเจนัว (Genoa) พังถล่มลงมายังแม่น้ำ เส้นทางรถไฟ และอาคารบ้านเรือนที่อยู่เบื้องล่าง หลังเกิดพายุฝนอย่างหนัก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 26 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 15 ราย รถยนต์ราว 8-10 คัน ได้รับความเสียหาย
สะพานดังกล่าวถูกสร้างขึ้นในปี 1963-1967 มีความยาวทั้งหมด 1.18 กิโลเมตร และสูงจากพื้นเบื้องล่างราว 90 เมตร ต่อมามีการตั้งชื่อสะพานใหม่ เพื่อเป็นเกียรติแก่ นายริกคาร์โด โมรันดี (Riccardo Morandi) นักวิศวกรชื่อดังของอิตาลีที่เสียชีวิตลงเมื่อปี 1989
เว็บไซต์ของผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมอย่าง ingegneri.info เผยว่า สะพานดังกล่าว มีข้อสงสัยในเชิงโครงสร้างหลายจุด เป็นโศกนาฏกรรมที่รอคอยแค่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร หากหน่วยงานของรัฐบาลไม่หมั่นตรวจสอบและซ่อมบำรุงโครงสร้างขั้นพื้นฐานในประเทศของตนเองอย่างสม่ำเสมอ
ทางด้านศาสตราจารย์อันโตนิโอ้ เบรนซิช (Antonio Brencich) ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างคอนกรีต ประจำมหาวิทยาลัยเจนัว กล่าวเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญในการซ่อมบำรุงสะพานที่มีการเปิดใช้งานอยู่เสมอ “มันน่าจะเกิดขึ้นจากปัญหาการถูกกัดกร่อนอย่างหนักที่เชื่อมโยงอยู่กับระดับเทคโนโลยีที่ใช้สร้างสะพานในสมัยก่อนที่อาจจะมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง”
ทางด้านดิเอโก้ ซปปี้ (Diego Zoppi) อดีตประธานผู้ควบคุมงานด้านสถาปนิกในเมืองเจนัว ระบุว่า “50 ปีที่ผ่านมา เรามั่นใจมากในโครงสร้างของคอนกรีต เราเคยคิดว่ามันอาจจะอยู่ได้ตลอดไป แต่ตอนนี้พวกเรารู้แล้วว่า มันอยู่ได้เพียงไม่กี่ทศวรรษเท่านั้น”
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
