หากพูดถึงองค์กรที่ขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมและเอาจริงเอาจังมากที่สุด ไม่พูดถึง GC คงไม่ได้
นอกจากวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ ดำเนินธุรกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนแล้ว ยังนับเป็นองค์กรที่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมในเรื่อง Sustainability สู่สังคมไทยอย่างต่อเนื่อง จนวันนี้ใครๆ ต่างก็พูดตรงกันว่า การลงมือทำด้านความยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือก แต่คือทางรอดเดียวของโลก
เมื่อความยั่งยืนคือวาระเร่งด่วน ทั้งยังเป็นเรื่องของทุกคน เพราะทุกคนสามารถเป็น GEN S หรือคน GEN ใหม่หัวใจยั่งยืนได้ จึงเป็นที่มาของแนวคิดการจัดงานประชุมระดับโลก GC Sustainable Living Symposium 2023: We are GEN S ผนึกกำลังทุกภาคส่วนเพื่อผลักดันเรื่องการสร้างความยั่งยืนให้ก้าวไปอีกขั้น
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เดินหน้าจัดงานประชุมระดับโลก GC Sustainable Living Symposium 2023: We are GEN S หรือเจเนอเรชัน Sustainability เพื่อระดมทุกภาคส่วนมาร่วมลงมือแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของโลก ตลอดจนส่งต่อแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตด้วยแนวคิด Sustainable Living เพื่อเปลี่ยนจากโลกที่กำลังจะอยู่ไม่ได้ สู่โลกใบนี้ที่ดีกว่าเดิม
งานจัดขึ้นในวันที่ 27-28 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน โดยครั้งนี้นับเป็นการต่อยอดความสำเร็จอย่างต่อเนื่องสู่ปีที่ 4 จับมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม คนรุ่นใหม่ และกว่า 40 ตัวจริงด้านความยั่งยืน จากทั้งในและต่างประเทศ มาร่วมส่งต่อแนวคิดสู่การลงมือทำ
การประชุมระดับโลกครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก ยูริ ยาร์วียาโฮ เอกอัครราชทูตฟินแลนด์ประจำประเทศไทย มาเป็นประธานเปิดงาน พร้อมทั้งได้แสดงวิสัยทัศน์ระดับโลกเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนจากประเทศฟินแลนด์ ประเทศที่ลงมือทำด้านความยั่งยืนเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ GC กล่าวถึงสถานการณ์ของไทยไว้ว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า 1% เมื่อเทียบกับปริมาณก๊าซเรือนกระจกของทั้งโลก แต่ประเทศไทยกลับเป็น 1 ใน 10 ประเทศของโลกที่จะได้รับผลกระทบสูงสุด”
ทั้งนี้ GC ในฐานะองค์กรที่ขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืนมาอย่างยาวนาน ได้เล็งเห็น 2 แนวทางในการแก้ไข ได้แก่ Energy Transition และ Circular and Bio-Based Economy อย่างเช่น การเปลี่ยนผ่านจากการใช้พลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานที่สะอาดมากขึ้น และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรด้วยแนวทางแบบ Bio Solutions หรือการนำหลัก Circular Economy ซึ่งเกี่ยวข้องกับการ Reduce, Reuse และ Recycle มาปรับใช้ในการทำการเกษตรแบบคาร์บอนต่ำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยที่มีภาคการเกษตรเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ
สำหรับงานในวันที่ 27 ตุลาคม อัดแน่นด้วยเนื้อหาสุดเข้มข้นจากภาคธุรกิจที่มาร่วมแบ่งปันแนวทางการปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตโลกเดือดอย่างเร่งด่วน จากองค์กรระดับโลกอย่าง Accenture, allnex และ Econic ช่วงบ่ายคือชั่วโมงแห่งการเรียนรู้เรื่องราวในการก้าวไปสู่ Net Zero จากตัวแทนคน GEN S ที่จุดประกายไอเดียตลอดจนแนวทางในการลงมือทำอย่างได้ผล
พร้อมพบกับโครงการ GC Upcycling Upstyling ปี 4 ที่เผยให้เราได้เห็นไอเท็มที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์กว่า 15 คอลเล็กชัน จาก 8 พาร์ตเนอร์ และ 12 ดีไซเนอร์ชั้นแนวหน้าของประเทศที่มาประชันไอเดียในการออกแบบ เพื่อจุดประกายแนวคิดการสร้างคุณค่าจากพลาสติกใช้แล้ว เกิดเป็นคอลเล็กชัน Design for Sustainable Living ขยายโอกาสธุรกิจเพื่อความยั่งยืน
ส่วนงานในวันที่ 28 ตุลาคม พบกับเวทีเสวนาที่นำเอาความยั่งยืนมาทำให้เป็นเรื่องใกล้ตัว ผ่านการแชร์ประสบการณ์ของเหล่าไอดอล GEN S สายกรีน เช่น เต้ย จรินทร์พร และ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ในหัวข้อ ‘กินดี…กินแบบไหน ให้ดีกับทั้งเราและโลก’ ตามมาด้วยหัวข้อ ‘อยู่ให้ดี…ลองอยู่แบบ Sustainable Living ทำได้จริงต้องทำอย่างไร’ ปิดท้ายด้วยหัวข้อ ‘Low Carbon Tourism เทรนด์เที่ยวคาร์บอนต่ำ’
นอกจากเวทีหลักแล้ว บรรยากาศโดยรอบของงานยังเต็มไปด้วยไอเดียในการนำเอาพลาสติกใช้แล้วมาสร้างสรรค์เป็นของตกแต่งสุดเก๋ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่จัดมาให้ผู้ร่วมงานได้ซึมซับแนวคิด Sustainability ไปสู่ชีวิตประจำวัน เช่น กิจกรรมตะลุยเขาวงกต ที่เปิดให้ทุกคนได้เรียนรู้ถึงการสร้างคุณค่าจากพลาสติกใช้แล้ว หรือกิจกรรมทดสอบความกรีน รวมถึงสินค้าแฟชั่นรักษ์โลกที่มีมาให้เลือกช้อปกันอย่างจุใจ
แม้งานในปีนี้จะจบลงไปแล้ว แต่การลงมือทำเรื่องความยั่งยืนยังเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องร่วมมือรวมพลังทำกันต่อไป เพื่อเปลี่ยนโลกใบนี้ที่กำลังร้อนระอุ ไปสู่โลกใบที่ทุกคนอยู่อย่างปลอดภัย มีความสุข มีชีวิตที่ดี และยั่งยืนยิ่งขึ้น