Q: จะทำยังไงกับเพื่อนร่วมงานที่ชอบเอาเราไปเมาท์ลับหลังดีคะ ต่อหน้านางก็ทำตัวแสนดีกับเรา ลับหลังก็เอาเราไปนินทาเสียๆ หายๆ บางเรื่องก็ไปใส่สีตีไข่จนเลอะเทอะไปไกล เราควรทำยังไงดี กรีดรถนางเลยดีไหมคะ
A : อย่าได้เปลืองแรงกรีดรถเลยครับน้อง กรีดหน้ามันดีกว่านะ เอ้ย! ไม่ใช่แล้ว!
การนินทาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และเราก็ชอบรู้เรื่องคนอื่น (สั้นๆ — เสือก)
การรู้เรื่องคนอื่นช่วยทำให้เรารู้ความเป็นไปในสังคม (ฟังดูดีเนอะ) และสามารถนำข้อมูลนั้นมาบริหารจัดการชีวิตได้
การนินทาเป็นกลไกการจัดระเบียบทางสังคมอย่างหนึ่ง ข้อดีของมันอยู่ตรงที่เป็นการลงโทษทางสังคม ใครมีพฤติกรรมไม่น่าเคารพ คนก็จะไม่ยอมรับและเอาไปพูดต่อ (ซึ่งการมุงเมาท์เรื่องเน่าเหม็นของคนอื่นก็ไม่ได้ทำให้ตัวคนพูดเป็นคนดีหรือบริสุทธิ์ผุดผ่องขึ้นมาหรอกนะ)
แล้วเราจะทำอะไรกับการถูกนินทานี้ได้บ้าง
เริ่มต้นคือต้องกลับมาดูก่อนว่าเรื่องที่เขานินทาน้องกันคือเรื่องอะไร จริงเท็จแค่ไหน
จำได้ว่าตอนพี่อยู่ป. 2 (ซึ่งมันนานมากแล้วจริงๆ) คุณครูให้เด็กๆ ต่อแถวกันแล้วให้กระซิบเรื่องราวหนึ่งต่อกันเป็นทอดๆ สุดท้ายเราก็ได้พบว่ากว่าเรื่องจะดำเนินมาถึงคนสุดท้ายในแถวนั้น มันถูกแต่งเติม บิดเบือน ตัดทอนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม และกลายเป็นเรื่องใหม่อีกเรื่อง
ไม่ได้จะบอกว่าพี่ตอแหลมาตั้งแต่ป. 2 แต่จะบอกว่าวิถีของข่าวสารที่ทำผ่านการบอกปากต่อปากมันเป็นแบบนั้น
มันมีทั้งเรื่องจริงผสมความคิดเห็น การสันนิษฐาน การมั่ว การเดา การแต่งเติมเสริมอรรถรสจนเพี้ยนไปหมด
ถ้าเรื่องที่เขานินทาเป็นเรื่องจริง ให้ยอมรับและหาทางแก้ไขปรับปรุงตัวเอง เพราะแสดงว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่เป็นที่ยอมรับนับถือในสังคม และอย่าโกรธที่เขาเอาเรื่องจริงของน้องไปพูดต่อ เช่น เขาเมาท์ว่าหนูชอบอู้พักกลางวันนานกว่าคนอื่น แล้วหนูอู้จริงไหมล่ะ พูด!
ถ้าเรื่องที่เขานินทาไม่เป็นเรื่องจริง อันนี้ต้องประเมินความรุนแรงของเรื่องที่เขานินทากันว่าเลยเถิดไปไกลแค่ไหน กระทบกับหน้าที่การงานของเราหรือเปล่า หรือแค่สร้างความรำคาญให้เราเฉยๆ
ถ้ากระทบกับหน้าที่การงานอย่างรุนแรง เช่น มาหาว่าน้องเอาเต้าไต่ในการทำงาน (เต้ายังไม่มีให้ไต่เลยค่า!) หาว่าน้องทุจริตเอาเงินบริษัทไป อันนี้น้องต้องอย่ากระโตกกระตาก อย่าให้ศัตรูรู้ อย่าเดินไปบอก “เราจะได้เห็นดีกัน!” นั่นมันละคร ให้ซุ่มเงียบรวบรวมหลักฐานต่อสู้ เอาให้เป็นกรณีตัวอย่าง ให้รู้กันไปว่าคนจริงเขาไม่ต้องพูดเยอะ แต่ประเมินก่อนนะว่าหัวหน้าคุณน่ะเป็นธรรมพอไหม หรือหัวหน้าก็ขี้เมาท์พอกัน
พี่เชื่อว่าคนเราทำอะไรมีคนรู้ มีคนเห็น ความจริงก็คือความจริง คำนินทาใดๆ ก็โค่นเราไม่ได้ ถ้าเรายืนหยัดทำสิ่งที่ถูกต้องมาตลอด แล้วเดี๋ยวความจริงมันจะฟ้องเอง ใครไม่รู้ แต่น้องรู้แก่ใจ ไม่อายตัวเอง
คนอื่นทำไม่ดีแล้วเขาไม่อาย นั่นหน้าของเขา เขาเลือกแล้วที่จะทำตัวต่ำ เราอย่าทำตัวต่ำตาม อยากอยู่ในที่สูงหรือที่ต่ำ น้องเลือกเอา
ไม่ต้องไปหาสาเหตุว่าทำไมเขาถึงขี้เมาท์กัน คือมันมีเหตุผลตั้งแต่กมลสันดานของเขา เป็นการอบรมสั่งสอนของครอบครัวเขา เป็นการไหลไปตามความเน่าเฟะของกลุ่มก้อนที่เขาอยู่ เป็นการทำให้เขาได้รู้สึกดีขึ้นแม้เพียงน้อยนิดที่ได้เหยียบย่ำคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูสูงขึ้น เป็นวิธีเดียวที่ทำให้เขารู้สึกมีอำนาจขึ้นมา เป็นความอิจฉาเพราะเราทำดีจริงๆ เป็นเพราะเราโคตรน่าด่าจริงๆ อย่างที่เขาว่ากัน ฯลฯ มันเป็นได้หมด แต่ให้โฟกัสที่ตัวเราก็พอว่าเราทำตัวดีแล้วหรือยัง แล้วรักษาความดีไว้ ตั้งใจทำงาน พัฒนาตัวเอง เดี๋ยวมันจะโชว์เองว่าใครคือตัวจริง
ไม่มีทางที่เราจะหนีการนินทาได้ แต่พี่ว่าบางทีมันก็สนุกดีนะ เวลาเห็นคนตีสองหน้าใส่เรา เวลาที่เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าเรารู้ว่าลับหลังเขาเอาเราไปนินทาอย่างไร เออเว้ย…นางเก่ง เอาออสการ์ไปเลยเถอะ ดูแล้วน่าสมเพชดี และความน่าสมเพชก็เป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งนะน้อง เราก็ดูความเน่าหนอนของเขาเป็นความบันเทิงน่าหัวร่อไป
ถ้าเราทำไม่ดี แล้วมีคนติเรา ว่าเราต่อหน้า นั่นคือเขาหวังดี คนแบบนี้กล้าหาญที่จะบอกจุดบกพร่องของเรา นี่แหละคือความหวังดีที่แท้จริง
แต่คนที่พูดลับหลังเรา เขามีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถมาพูดต่อหน้าเราได้ และต้องไปพูดลับหลังเรา
เพราะเขาอยู่ข้างหลังเราไงครับ
และเรานำหน้าเขาอยู่
อาจจะหลายล้านปีแสงด้วยซ้ำ
*ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์
ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai