หลังจากเคยชนะรางวัลซีรีส์ยอดเยี่ยมประเภทดราม่ามาแล้วที่งาน Primetime Emmy Awards ปี 2015 และ 2016 ส่วนในปีนี้ ซีรีส์แนวแฟนตาซี-ดราม่ายอดนิยมของช่อง HBO อย่าง Game of Thrones ยังคงมาแรงและเก็บชัยชนะด้วยการคว้ารางวัลในสาขานี้กลับบ้านไปอีกครั้ง และยังช่วยตอกย้ำความสำเร็จทั้งในเชิงเรตติ้งและคำวิจารณ์ ก่อนที่ซีซันสุดท้ายของสงครามชิงบัลลังก์เหล็กจะเริ่มฉายในปีหน้า โดยนักแสดงหนุ่ม ปีเตอร์ ดิงก์เลจ ผู้สวมบทบาท ทีเรียน แลนนิสเตอร์ ยังคว้ารางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมไปได้อีกครั้ง หลังจากเขาเคยชนะในสาขานี้มาแล้วในปี 2011 และ 2015
ส่วนซีรีส์ที่คว้ารางวัลไปได้มากที่สุดถึง 5 รางวัลใน Emmys 2018 คือ Marvelous Mrs. Maisel ของช่อง Amazon ได้แก่ ซีรีส์คอเมดี้ยอดเยี่ยม และนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทคอเมดี้ที่ตกเป็นของ ราเชล บรอสนาแฮน ที่กำลังถูกจับตามองว่าในอนาคตอันใกล้เธอจะก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงที่โดดเด่นและขับเคลื่อนวงการ
โดยในคำกล่าวขอบคุณบนเวที เธอได้ชักจูงให้ผู้หญิงเห็นความสำคัญและออกมาใช้เสียงตัวเองในการเลือกตั้ง ซึ่งก็สะท้อนถึงเรื่องราวในซีรีส์ Marvelous Mrs. Maisel ที่เล่าถึงผู้หญิงคนหนึ่งในนิวยอร์กช่วงยุค 50s ที่มุ่งมั่นจะผลักดันตัวเองบนเส้นทาง ‘เดี่ยวไมโครโฟน’ ถึงแม้สังคมในยุคนั้นจะมองผู้หญิงว่าเป็นได้แค่ภรรยาที่ต้องอยู่บ้านเพื่อเลี้ยงลูก
ส่วน แคลร์ ฟอย นักแสดงหญิงชาวอังกฤษก็เป็นตามคาด เธอก้าวขึ้นเวทีไปคว้า รางวัลนักแสดงนำหญิงประเภทดราม่า จากการสวมบทบาทเป็น Queen Elizabeth ที่ 2 ในซีรีส์ The Crown ของ Netflix ซึ่งในซีซันต่อไปที่จะออกฉายปีหน้า นักแสดง โอลิเวีย โคลแมน จะเข้ามาสานต่อบทบาทนี้คู่กับ เฮเลนา บอนแฮม คาร์เตอร์ ที่จะเล่นบทเจ้าหญิง Margaret ต่อจาก วาเนสซา เคอร์บี้
ส่วนอีกหนึ่งซีรีส์ที่คว้ารางวัลสำคัญไปครองก็คือ The Assassination of Gianni Versace ของช่อง FX ที่ชนะรางวัลมินิซีรีส์ยอดเยี่ยม และรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมจาก ดาร์เรน คริส ที่สวมบทของนักฆ่า Andrew Cunanan ได้อย่างน่าทึ่งและฉีกแนวจาก Glee ที่หลายคนคุ้นเคย ส่วน ไรอัน เมอร์ฟีย์ คว้ารางวัลกำกับยอดเยี่ยมจากซีรีส์เรื่องเดียวกัน ส่วนหลังจากนี้ต้องจับตาดูว่าพอไรอันย้ายมาทำงานกับ Netflix ผลงานของเขาจะยังได้รับความนิยมเช่นเดิมหรือไม่
สำหรับผู้ชนะทั้งหมดสามารถคลิกชมได้ที่นี่: emmys.com/awards/nominees-winners
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
