ปี 2564 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ ‘จีเอเบิล’ ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งยอดขายและรายได้ในทุกพอร์ตโฟลิโอ โดยกลุ่ม ‘โซลูชัน G Security’ ขยายตัวเกินความคาดหมาย ด้วยยอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 42% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการตอกย้ำจุดยืนของจีเอเบิลในฐานะผู้นำทางด้าน Cybersecurity ของประเทศไทย
ส่วนกลุ่มโซลูชัน G Cloud มีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ถึง 33% ในช่วง 3 ปีเช่นกัน และกลุ่มโซลูชัน G Big Data เติบโตขึ้น 33% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ G Digital Product ก็เติบโตขึ้นถึง 76% ในระยะเวลาเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้กำไรของจีเอเบิลสูงขึ้น และมีกำไรขั้นต้น (GP) สูงขึ้นถึงเกือบ 200 BPS
ไม่แปลกที่ ‘จีเอเบิล’ จะเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นมาจากทิศทางกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญกว่า 33 ปี ทางด้านการบูรณาการในการนำเสนอโซลูชันและบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการขององค์กรธุรกิจ ให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและสร้างโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจ
กลายเป็นผู้นำด้าน ‘Tech Enabler’ ที่ถือเป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่จะช่วยระดับธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลในทุกมิติ มองลึกเข้าไปจีเอเบิลต้องการเป็นเพื่อนคู่คิดในเชิงของธุรกิจของลูกค้า ทั้งในระยะสั้นและอีก 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งแน่นอนธุรกิจในยุคปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงและเปลี่ยนแปลงตลอด ทำให้คาดเดาลำบากมาก
เพราะฉะนั้นจีเอเบิลจะเข้าไปเป็นคู่คิดและทำงานด้วยกัน เพื่อผลักดันให้ลูกค้าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่เขาอยู่ให้ได้ และประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่องค์กรตั้งเป้า ดังนั้นถือได้ว่าทั้งลูกค้าและจีเอเบิลก็จะเติบโตไปด้วยกัน
“ความสำเร็จและการเติบโตดังกล่าวเป็นไปตามแผนธุรกิจตามกลยุทธ์ G-Able Tree ที่เราได้ประกาศไว้ในปีที่แล้ว ซึ่งเราเปรียบธุรกิจของจีเอเบิลเหมือนต้นไม้ที่มีธุรกิจหลักเป็นรากอันมั่นคง และแตกแขนงกิ่งก้านอย่างแข็งแรงเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพ ประกอบกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่ชัดเจน พร้อมกับการมีผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี ทำให้เราสามารถช่วยยกระดับลูกค้าในหลายอุตสาหกรรม เปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจดิจิทัลที่พร้อมสำหรับอนาคต” ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทจีเอเบิล กล่าว
ความน่าสนใจของกลยุทธ์ธุรกิจของจีเอเบิลอยู่ที่การเปรียบธุรกิจให้เหมือนกับ ‘ต้นไม้’ หรือ ‘G-Able Tree’ ซึ่งอย่างที่เรารู้กันดีว่าทุกส่วนนั้นล้วนมีประโยชน์และเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ในการทำให้ต้นไม้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าวจีเอเบิลได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนที่เป็นตัวแทนของราก ลำต้น และกิ่งก้าน ซึ่งทำให้เห็นภาพชัดเจนได้ดังนี้
‘ฐานราก’ คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ
กลยุทธ์ที่ 1 ซึ่งเป็น Core Business ที่เปรียบเหมือนฐานรากของต้นไม้ โดยจีเอเบิลได้ยกระดับจากการเป็น SI++ สู่ ‘Tech Enabler’ ซึ่งจะนำศักยภาพความพร้อมทางเทคโนโลยีในทุกด้าน ไปช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและต่อยอดโอกาสทางธุรกิจในโลกดิจิทัลให้กับลูกค้า อีกทั้งความสามารถในรับมือกับวิกฤตในอนาคตด้วยเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและยืดหยุ่น ซึ่งในปีนี้จีเอเบิลจะมุ่งเน้นกลุ่มโซลูชัน G Security และ G Cloud
- กลุ่มโซลูชัน G Security มุ่งเน้นคอนเซปต์และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่าง Cybersecurity Mesh Architecture และ Zero Trust Network Access โดยจีเอเบิลวางแผนเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าทุกระดับตั้งแต่ขนาดกลางถึงขนาดเล็ก สามารถเข้าถึงโซลูชันที่ล้ำสมัย เพื่อปกป้องระบบและข้อมูลจากภัยไซเบอร์ ด้วยต้นทุนที่จับต้องได้ พร้อมกันนี้จีเอเบิลมีแผนการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อร่วมพัฒนาโซลูชันให้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น พร้อมขึ้นเป็นผู้นำด้าน Cybersecurity อันดับ 1 ของประเทศไทย ที่มียอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท และคาดว่าจะขยายธุรกิจให้เติบโตกว่าเท่าตัวภายใน 3 ปี
- กลุ่มโซลูชัน G Cloud ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของธุรกิจใน VUCA World โลกยุคใหม่ที่มีความผันผวน (Volatility) ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ความซับซ้อน (Complexity) และคลุมเครือ (Ambiguity) ซึ่ง Cloud Technology จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นมากขึ้น มีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมให้พนักงานของทุกองค์กรธุรกิจทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา โดยจีเอเบิลเป็นหนึ่งในผู้นำด้านคลาวด์เทคโนโลยีรายใหญ่ในประเทศไทย และตั้งเป้าการเติบโตประมาณ 400 ล้านบาทในปี 2565
- กลุ่ม Advance Integration Solution เป็นการนำเอาโซลูชันต่างๆ เช่น Digital Product Development Solution, Business Intelligence, Data Analytics และเทคโนโลยีอื่นๆ มาเสริมแกร่งซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้แก่ลูกค้า โดยคาดการเติบโตเป็นเลข 2 หลัก
‘ลำต้น’ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจุดแข็ง
กลยุทธ์ที่ 2 เป็นส่วนของลำต้นไม้ จีเอเบิลจะทำงานควบคู่กับลูกค้าในฐานะ Business Enabler โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง Data Modernization ที่จะผสานจุดแข็งของธุรกิจลูกค้าเข้ากับจุดแข็งทางเทคโนโลยีของจีเอเบิล เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ร่วมกัน
‘กิ่งก้าน’ ที่แตกแขนงเพื่อขยายความแข็งแกร่ง
กลยุทธ์ที่ 3 เปรียบเสมือนกิ่งก้านของต้นไม้ โดยจีเอเบิลมุ่งเสริมแกร่งด้วยกลุ่มธุรกิจ Tech Spin-Off ซึ่งเป็นกลุ่มสตาร์ทอัพของจีเอเบิลที่ต่อยอดมาจากกลยุทธ์ Own IP Platform หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ลิขสิทธิ์ของจีเอเบิลในปีที่แล้ว ควบคู่ไปกับการเพิ่มมูลค่าธุรกิจสูงสุดในแต่ละสตาร์ทอัพ รวมถึงเป็นการสร้าง New S-Curve ให้กับจีเอเบิลด้วย
โดยทั้ง 3 บริษัทสตาร์ทอัพหลัก ได้แก่ Blendata, InsightEra และ MVerge จะเป็นตัวช่วยเร่งการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้แก่จีเอเบิล ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้
- Blendata (เบลนเดต้า) มุ่งพัฒนา Blendata Platform ที่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลทั้งหมดขององค์กรมาไว้ที่เดียว เพื่อให้การใช้งานและจัดการกับข้อมูลมีประสิทธิภาพสูงสุด นำมาประมวลผลและวิเคราะห์สำหรับต่อยอดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต และในปี 2565 เบลนเดต้ามุ่งพัฒนา Ready to use Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning Solution ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถใช้ Big Data ได้มีประสิทธิผลมากขึ้น พร้อมทั้งยกระดับความเร็วเหนือกว่าคู่แข่งและการใช้ง่ายที่เข้าถึงได้ทุกเวลาที่ต้องการ นอกจากนี้ยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 2 ตัว ซึ่งตั้งเป้าการเติบโตกว่าเท่าตัวในปีนี้
- InsightEra (อินไซท์เอรา) นำเสนอ MARTECH (Marketing Technology) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ของการตลาดที่ช่วยให้องค์กรแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล ช่วยให้ลูกค้าสามารถจับพฤติกรรมใหม่ๆ ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปโดยให้ความสำคัญที่ ‘ความเร็ว’ และ ‘ความแม่นยำ’ เป็นหลัก ทำให้ธุรกิจสามารถตอบสนองตลาดได้แบบเรียลไทม์และตรงความต้องการผู้บริโภคอย่างแท้จริง ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถกำหนดและปรับกลยุทธ์การตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ลูกค้าเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ทั้งนี้ InsightEra ตั้งเป้าการเติบโตมากกว่า 100% ในปีนี้
- MVerge (เอ็มเวิร์จ) มุ่งพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการและเทรนด์ของตลาดในยุคดิจิทัล โดย MVerge ได้พัฒนาแพลตฟอร์มตัวใหม่ชื่อว่า ‘SPACE’ ซึ่งเป็นการนำ Advance Technology มาช่วยในการบริหารจัดการพื้นที่ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือน โดยช่วยจำลองสถานที่ กำหนดพื้นที่ให้ผู้เช่า ออกแบบร้านค้าและโฆษณา อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสให้ร้านค้าเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้นด้วยคอนเซปต์ Omnichannel ที่เชื่อมร้านค้าทั้งโลกจริงและโลกเสมือนอย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ยังสามารถนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ เพื่อให้เห็นแนวทางการตัดสินใจและความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ โดยคาดว่า MVerge จะเติบโตได้มากกว่าเท่าตัวและเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในตลาด
ความน่าตื่นเต้นไม่หมดเท่านั้นนอกจาก 3 กลยุทธ์หลักที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับจีเอเบิลแล้ว ยังมีแบ็คล็อก (Backlog) หรือยอดขายที่รอการรับรู้รายได้มากกว่า 3,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเติบโตยอดขายหนึ่งเท่าตัว จาก 5,000 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ซึ่งจากการวางรากฐานที่สำคัญทำให้เป้าหมายนี้ไม่ไกลเกินเอื้อม
“ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจ Tech Spin-Off เรามั่นใจว่าจีเอเบิลจะเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อม Reshaping the Next เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ และสนับสนุนลูกค้าของเราให้สามารถแข่งขันในโลกดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งได้รับการป้องกันจากภัยไซเบอร์และมีความยืดหยุ่นในธุรกิจ ซึ่งทั้งหมดคือเป้าหมายที่เราจะไปให้สำเร็จใน 5 ปี” ดร.ชัยยุทธกล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ‘จีเอเบิล’ พร้อมแล้วที่จะติดนามสกุลมหาชนด้วยการ IPO (Initial Public Offering) หรือการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ซึ่งรายละเอียดอย่างเป็นทางการจะออกมาในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ จีเอเบิลมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนลูกค้าในการทรานส์ฟอร์มองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง และก้าวสู่ความสำเร็จขององค์กรตามเป้าหมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.g-able.com