×

หุ้นเทคสหรัฐฯ เริ่มฟื้น หลังกำไร Amazon จุดประกาย แต่สำนักวิจัยระบุ กลุ่มเทคยังเผชิญแรงกดดันเรื่องต้นทุนและขนส่งสะดุด

05.02.2022
  • LOADING...
Amazon

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับลดลงในวันศุกร์ (4 กุมภาพันธ์) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ฟื้นตัวขึ้นมายืนปิดตลาดในแดนบวกโดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Amazon และนักลงทุนได้ปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนมกราคม ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า Fed จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,089.74 จุด ลดลง 21.42 จุด หรือ -0.06% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,500.53 จุด เพิ่มขึ้น 23.09 จุด หรือ +0.52% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,098.01 จุด เพิ่มขึ้น 219.19 จุด หรือ +1.58%

 

ทั้งนี้ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีทั้ง 3 ตัวปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 1.1% ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.6% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 2.4%

 

หุ้น Amazon พุ่งขึ้น 13.5% หลังรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 4/64 ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นราว 1.90 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นวันเดียวมากที่สุดของบริษัทสหรัฐฯ ด้านหุ้น Snap พุ่งขึ้น 58.8% หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/64 และแนวโน้มผลประกอบการที่ดีเกินคาด ส่วนหุ้น Pinterest พุ่งขึ้น 11.2% หลังรายงานรายได้รายไตรมาสสูงเกินคาด

 

นอกจากนี้หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 3.7% โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการของ Amazon อย่างไรก็ตาม หุ้น Ford Motor ดิ่งลง 9.7% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง

 

ลูอีส ริซซี หัวหน้าฝ่ายการค้าของ Emles Advisors กล่าวว่า หุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าฟุ่มเฟือยมีแนวโน้มจะปรับลดลงต่อเนื่อง แม้ว่าก่อนหน้าจะปรับลดลงมามากแล้วก็ตาม และสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ น่าจะต้องเผชิญกับราคาที่ผันผวนอย่างหนัก

 

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเทคปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากนักลงทุนมองหาหุ้นที่เติบโตที่สูง อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ นักลงทุนจึงต้องปรับพอร์ตการลงทุนและเลือกที่จะเทขายหุ้นเทคตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา 

 

Zacks ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผู้วิจัยตลาดหุ้นและบริษัทจดทะเบียน เผยแพร่บทความเรื่องผลประกอบการกลุ่มเทคสหรัฐฯ ระบุว่า สัญญาณที่เห็นตอนนี้คือการเติบโตของรายได้กำลังชะลอตัวลงอย่างมาก เนื่องจากยังมีปัจจัยกดดันในเรื่องต้นทุนที่ส่งผลกระทบต่อราคาขายสินค้าและรายได้ในที่สุด 

 

ขณะเดียวกันแหล่งที่มาของวัตถุดิบสำหรับสินค้าเทคโนโลยีก็ยังคงมีปัญหาคอขวดและการขนส่งอยู่ กรณีที่เห็นชัดคือปัญหาด้านการขนส่ง ทำให้ Apple ไม่สามารถขาย iPads ได้เพิ่มขึ้นตามที่หวัง 

 

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่ม Big 5 ซึ่งประกอบด้วย Amazon (AMZN), Alphabet (GOOGL), Apple (AAPL), Meta Platforms (FB) และ Microsoft (MSFT) ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/64 โดย Amazon และ Alphabet รายงานผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) เพิ่มขึ้นหลักแสนล้านดอลลาร์ ซึ่งตรงกันข้ามกับ Meta ที่สูญเสีย Market Cap ไปไม่น้อย เพราะรายงานผลการดำเนินงานที่น่าผิดหวัง 

 

Big 5 มีความสำคัญอย่างมากต่อตลาดหุ้นเทคโดยรวม ทั้งในแง่ของน้ำหนักในดัชนีและส่วนแบ่งรายได้ โดย Big 5 คิดเป็น 22.5% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของดัชนี S&P 500 และมีสัดส่วน 20% ของกำไรทั้งหมดของดัชนีในไตรมาส 4/64 และในด้านผลประกอบการสำหรับไตรมาส 4/64 Big 5 มีกำไรรวมกัน 9.86 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีรายได้รวมกัน 4.08 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็นอัตราการเติบโตปีต่อปีที่ 26.7% และ 15.3% ตามลำดับ

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising